วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2564

 

เรื่องลับบันลือโลก  # UFO ลึกลับ



          ข่าวเรื่องการพบวัตถุประหลาด จากนอกโลก เชื่อว่าเราน่าจะได้ยินมาบ่อยครั้ง แต่จะจริงหรือไม่ สามารถที่จะยืนยันได้ แต่ก็แปลก แม้จะมีใครบางคน พยายามอธิบายเรื่องนี้ และยืนยันว่าเขาสัมผัสสิ่งเหล่านี้ได้ แต่เขาผู้นั้นกลับถูกมองอย่างประหลาด ว่าเป็นพวกที่ไม่ค่อยปกติ คำอธิบายของเขาน้อยคนนักที่ใครจะเชื่อถือ ได้ว่าจริง แต่ก็ประหลาด แต่ความสงสัยในเรื่องนี้ก็ยังคง มีอยู่ต่อไป

          แต่ล่าสุดที่เป็นข่าวฮือฮาไปทั่วโลก นั้นคือหลัง เพนตากอน หรือ กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา เผยแพร่คลิปวิดีโอ การพบกับวัตถุปริศนาเหนือน่านฟ้า ที่ถูกถ่ายได้โดยนักบิน ที่ก่อนหน้านี้ ถูกเก็บเป็นความลับ มานานหลายปี    

          แม้อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการพบเห็นวัตถุปริศนา ประหลาดแบบนี้ แต่ครั้งนี้ถือเป็นการเปิดหลักฐานอย่างเป็นทางการโดยรัฐบาลสหรัฐฯ เอง ซึ่งทำให้กระแส UFO และมนุษย์ต่างดาวจากนอกโลกได้ถูกพูดถึงอีกครั้ง

          แต่เชื่อไหม ว่าในขณะที่วงการกีฬาเอง ก็เคยมีข่าวพัวพันกับ UFO มาเหมือนกัน เมื่อครั้งหนึ่งเคยมีวัตถุปริศนา มาชมการแข่งขันของ ฟิออเรนตินา ทีมดังของอิตาลีถึงสนาม อาร์เตมิโอ ฟรังคี ต่อหน้าผู้คนนับหมื่นคน นี้คือเรื่องจริง ที่เกิดอะไรขึ้นในวันนั้น เรามาติดตามเรื่องนี้กันต่อไป

*วัตถุลึกลับจากนอกโลก

          UFO และมนุษย์ต่างดาวถือเป็นสิ่งลึกลับที่อยู่คู่กับโลกมาหลายสิบปี เพราะนับตั้งแต่ เคนเน็ธ อาร์โนลด์ นักบินและนักธุรกิจชาวอเมริกันออกมาเปิดเผย เรื่องราวที่เขาได้พบกับวัตถุประหลาดขณะเขากำลังขับเครื่องบินส่วนตัว ครั้งที่เขาลอยอยู่เหนือ เทือกเขาเรนเนียร์  และในปี 1947 ก็มีรายงานการพบ UFO ออกมา เรื่อย จนถึงปัจจุบัน

          หรือแม้ในประเทศไทยเอง ก็เคยมีการรายงาน การพบเห็น UFO หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งครั้งที่โด่งดังที่สุด น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2501 โดยมีการ บันทึกจากเจ้าหน้าที่กงศุลสหรัฐฯ ประจำเชียงใหม่

          ในรายงานครั้งนั้น ระบุว่ามีการพบเห็นวัตถุบินได้ ในระดับต่ำที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สูงมาก โดยมีคนพบเห็นหลายคน รวมไปถึงพยานชาวอเมริกัน ก่อนที่วัตถุดังกล่าวจะลอยไปตก ไปทางภาคตะวันออกของเมืองเชียงใหม่ บริเวณ อ.สันกำแพง

          ในตอนนั้นสถานกงสุล ก็ได้ส่ง โรเบิร์ต จอร์จ บริวสเตอร์ รองกงสุลที่ ต่อมาเป็นหัวหน้า CIA ประจำเกาหลีใต้ ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อมูล แต่เนื่องจากพื้นที่ ที่คาดว่าเป็นจุดตก นั้นเป็นป่ารก ทำให้สุดท้ายคณะตรวจสอบ ก็ไม่สามารถเข้าไปถึงจุดนั้นได้ และก็ไม่มีรายงาน อะไรเพิ่มเติม จากเรื่องนี้

          อันที่จริง UFO มาจากคำว่า Unidentified Flying Object หรือ "วัตถุบินได้ ที่ไม่สามารถระบุว่าเป็นอะไร" ซึ่งเป็นคำจำกัดความ จากกองทัพสหรัฐฯ ที่คนส่วนใหญ่ตีความว่าเป็นจานบิน หรือยานพาหนะของมนุษย์ต่างดาวจากนอกโลก

          ทว่าบางครั้ง สิ่งที่ผู้คนพบเห็น และเข้าใจว่าเป็น UFO นั้น อาจจะเป็นความเข้าใจผิด พลาด ของผู้พบเห็นเอง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น จากสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น ดาวเทียม เครื่องบิน บอลลูน จรวด หรือที่พบบ่อยในปัจจุบันอย่าง โดรน หรือบางทีก็อาจจะเป็น สิ่งที่เกิดขึ้นจากระบบสุริยะอย่าง อุกกาบาต หรือ ดาวหาง อย่างไรก็ดี ก็มีหลายครั้ง ที่มันให้คำตอบไม่ได้ เหมือนกับเหตุการณ์ที่สนาม อาร์เตมิโอ ฟรังคี

*UFO บุกสนามฟุตบอล

          27 ตุลาคม 1954 ในฤดูใบไม้ร่วง ที่อากาศเริ่มเย็นเชียบ  เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศอิตาลี ที่เมืองฟลอเรนซ์ แคว้น ทัสคานี แฟนบอลนับหมื่นคน ได้มีโอกาสออกมายืดเส้นยืดสาย นอกบ้าน ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ หลัง ฟิออเรนตินา สโมสรชื่อดัง มีคิวลงเตะกระชับมิตรกับ ปิสตอยเซ คู่แข่งร่วมเมือง ที่สนาม อาร์เตมิโอ ฟรังคี

          ในช่วงแรกมันดูเหมือนเป็นเกม อุ่นเครื่องธรรมดา แต่หลังจากเริ่มครึ่งหลัง ไปได้ไม่นานผู้ชมในสนามก็พากันเงียบเสียงไปชั่วขณะ ก่อนจะตามมาด้วยด้วยเสียงอื้ออึง และมองไปบนท้องฟ้า

          สิ่งที่พวกเขาเห็นคือวัตถุลึกลับ มากมายกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า มันดูไม่เหมือนเครื่องบิน ยานอวกาศ หรือดาวเทียม แต่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยพบ เห็นมาก่อนในชีวิต และเชื่อว่ามันคือ UFO

          "ผมจำทุกอย่างได้หมด ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ มันเป็นอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนไข่ที่กำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมอง มันดูแววๆ กำลังมาจากท้องฟ้า เป็นสีเงินวับๆ" อาร์ดิโก แม็กนีนี ตำนานฟิออเรนตินา หนึ่งในนักเตะที่อยู่ในสนามในวันนั้นกล่าวกับ BBC

          "เราแปลกใจมาก เพราะเราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน และตกใจกันมาก"

          การปรากฏตัวของพวกมันสร้างความแตกตื่น ให้ผู้ชมบนอัฒจันทร์ ในขณะที่นักเตะของทั้งสองทีมก็หยุดเล่น เพื่อดูวัตถุประหลาดนี้ จนทำให้กรรมการสั่งพักการแข่งขัน ไปชั่วคราว

          จิจี โบนี แฟนบอลของ ฟิออเรนตินา เป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น  เขายืนยันว่าเขายังจำเรื่องนี้ได้ อย่างชัดเจน แม้เวลาจะผ่านมานานหลายสิบปี แต่คำอธิบายของเขาต่างไปจาก แม็กนีนี เล็กน้อย

          "ผมจำได้ชัดเจนว่าได้เห็นภาพที่เหลือเชื่อเช่นนี้" โบนี ย้อนความทรงจำ

"มันเคลื่อนที่เร็วมาก และจากนั้นก็หยุด ทุกอย่างเกิดขึ้นในสองนาที ผมอาจจะพูดได้ว่ามันเหมือนกับซิการ์ของคิวบา มันทำให้ผมนึกถึงซิการ์คิวบา จากการเห็นมัน"

"ผมคิดว่าพวกมันคือ สิ่งที่มาจากนอกโลก นั่นคือสิ่งที่ผมเชื่อ และมันก็ไม่มีคำอธิบายอื่นสำหรับผมเลย"

          ในขณะที่ โรโมโล ทูซี กัปตันของ ปิสตอยเซ ก็เห็นด้วยในเรื่องนี้ เขาอธิบายว่าดูไกลๆ มันเหมือนกับวงแหวน ส่วน โรนัลโด โลมี เพื่อนร่วมทีม ยังบอกว่าเขา ได้ยินเสียงระเบิดที่ดังมากในตอนนั้น

 

 

          "ในปีนั้นทุกคน พากันพูดถึงเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว ทุกคนพูดถึง ยูเอฟโอ และเราก็เคยมีประสบการณ์กับเรื่องนี้ เราเคยเห็นมัน เราเคยเห็นมันด้วยตาตัวเอง เห็นมันจริงๆ" ทูซีในวัย 70 ปีกล่าวกับ BBC

          บางคนอาจจะมองว่ามันอาจจะเป็นอุปาทานหมู่ แต่ในความเป็นจริงมีรายงานว่ามีคนในแคว้นทัสคานีจำนวนมากที่พบเห็นวัตถุลึกลับ ในลักษณะนี้ ในวันนั้นตลอดทั้งวัน รวมไปถึงอีกหลายวันหลังจากนั้น รวมทั้งเห็นแสงสีขาวบนท้องฟ้า ที่เมืองปราโต ทางตอนเหนือของ ฟลอเรนซ์

          "ผู้เล่นและผู้คนต่างงุนงงกับ วัตถุที่อยู่เหนือสนาม" โรแบร์โต ปินอตติ ประธานศูนย์ ยูเอฟโอแห่งชาติของอิตาลี ผู้มีงานเขียนเกี่ยวกับยูเอฟโอ อธิบายกับ BBC

          "ในตอนนั้นหนังสือพิมพ์ พูดถึงมนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคาร แน่นอนว่าตอนนี้เราพูดได้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ก็คงสรุปได้ว่า มันเป็นปรากฎการณ์แห่งอัจฉริยภาพ ปรากฎการณ์ ทางเทคโนโลยี และปรากฎการณ์ ซึ่งไม่สามารถเชื่อมโยงกับอะไร ก็ตามที่เรารู้จักบนโลกได้"  อย่างไรก็ดี ยานบินลึกลับไม่ใช่เรื่องเดียวที่ชาวเมืองต้องเจอ

*เส้นผมนางฟ้า

          ปรากฎการณ์ยานบินลึกลับ อาจจะเป็นสิ่งที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับแฟนบอล ในสนามและชาวเมือง ทว่าในขณะเดียวกันพวกเขายังต้องพบกับเหตุการณ์ประหลาด ที่เกิดขึ้นในระหว่างการปรากฏตัวของสิ่งที่เชื่อกันว่าเป็นผู้มาเยือนจากนอกโลก

          "มันยังมีเรื่องแปลกอีกเรื่องหนึ่ง คือในช่วงที่พบเห็น ยูเอฟโอ เหนือเมืองฟลอเรนซ์ มันดันมีสารเหนียวตกลงมาจากท้องฟ้า ในภาษาอังกฤษเรียกมันว่า 'เส้นผมนางฟ้า'" ปินอตติ อธิบาย

          "ปัญหาเดียวก็คือ หลังจากนั้นไม่นานมันก็สลายตัว ผมจำได้ตอนกลางวันแสก ๆ ผมเห็นว่าบนหลังคาในเมืองฟลอเรนซ์ เต็มไปด้วยสารสีขาวอยู่ราวชั่วโมง เหมือนกับหิมะ แล้วมันก็ระเหยไปหมด"

          "ไม่มีใครรู้ว่าสารแปลกๆ นี้เกี่ยวข้องกับ ยูเอฟโอ หรือไม่"

          มีพยานจำนวนมาก ที่บอกว่าสิ่งนี้ เหมือนกับใยแมงมุม และสำลี มันไม่สามารถรวมเป็นก้อนได้ และจะสลายตัวเมื่อสัมผัส ซึ่งแน่นอนว่าต่างมีคนสงสัยว่า สิ่งนี้คืออะไร เช่นเดียวกับ จอร์โจ บาตินี นักข่าวของหนังสือพิมพ์ La Nazione หนังสือพิมพ์ประจำเมือง ฟิออเรนตินา

          เขาให้สัมภาษณ์กับรายการ โทรทัศน์ ของอิตาลีที่ชื่อว่า Voyager เมื่อปี 2003 ว่าตอนนั้นเขาได้รับโทรศัพท์เป็นร้อยสาย จากการพบเห็นสิ่งนี้ และในขณะที่เขาขึ้นไปสังเกตการณ์ บนยอดตึกของที่ทำการหนังสือพิมพ์ เขายังพบเห็นสิ่งที่ดูเหมือนลูกบอล ที่ส่องแสงสีขาวเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วเหนือยอดโบสถ์

          บาตินี จึงตัดสินใจออกไปสำรวจ โดยมุ่งไปที่ทิศทางที่วัตถุประหลาด เคลื่อนที่ไป ซึ่งทำให้เขาต้องเดินทางข้ามป่า ออกไปนอกเมือง ก่อนจะพบกับสิ่งที่ผู้คนเรียกว่า "เส้นผมนางฟ้า" ปกคลุมไปทั่วบริเวณ

          เขาพยายามหาคำตอบในเรื่องนี้ ว่ามันคืออะไร จึงเก็บตัวอย่างโดยใช้ไม้ขีดไฟ มวนมันให้เป็นก้อนกลม เพื่อเก็บตัวอย่างนี้ไป สถาบันวิเคราะห์ทางเคมีของ มหาวิทยาลัยฟลอเรนซ์ เพื่อพิสูจน์ แต่เมื่อไปถึงก็มีคนมากมายที่ทำเช่นเดียวกับเขา

          ศูนย์วิจัยแห่งนี้ มีศาสตราจารย์ จิโอวานนี คานเนรี เป็นผู้ดูแล เขานำวัสดุดังกล่าวไปวิเคราะห์ด้วยแถบแม่เหล็ก ก่อนจะสรุปได้ว่า มันประกอบด้วยธาตุโบรอน แคลเซียม และแม็กนีเซียม แต่ไม่มีกัมมันตภาพรังสี แต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร

          มันจึงเต็มไปด้วย คำถามมากมาย ทั้งเรื่องยานประหลาดที่หลายคนพบเห็น และสารเหนียวจากท้องฟ้าที่เกิดขึ้น ในเวลาเดียวกัน รวมถึงคำถามสำคัญว่าสองสิ่งนี้ มีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่?

*ใยแมงมุมอพยพ

          "ปรากฏการ ยูเอฟโอ มันไม่มีอะไรเลย แต่เป็นเพียงเรื่องเล่า เวทมนตร์และเรื่องงมงาย สรุปเข้าไปในไอเดียนี้ที่ว่า มนุษย์ต่างดาวกำลังมาที่นี่ เพื่อปกป้องเราหรือทำลายเรา" เจมส์ แมคกานา นักบินอวกาศกองทัพอากาศสหรัฐ ที่ใช้เวลากว่า 40,000 ชั่วโมงในหอดูดาว เพื่อสังเกตการณ์ท้องฟ้ากล่าวกับ BBC

          แม้จะมีผู้คนมากมายที่ยืนยันว่า พวกเขาได้พบกับวัตถุลึกลับที่ เชื่อว่าเป็นยูเอฟโอ เหนือสนาม อาร์เตมิโอ ฟรังคี และน่านฟ้าเมืองฟลอเรนซ์ แต่หลายคนก็เชื่อว่ามันอาจจะเป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิด

          เนื่องจากในวันดังกล่าว เป็นวันเดียวกับที่กองทัพอากาศอิตาลี ได้มีการซ้อมรบ ซึ่งพวกเขาได้ใช้ Chaff หรือเป้าลวงซึ่งเป็นพลุไฟ ที่ปล่อยจากเครื่องบินที่เอาไว้หลอกเรดาร์ ที่ทำให้คนเข้าใจว่าสิ่งนี้คือจานบินจากนอกโลก ระมัง

          ในขณะที่ส่วนหนึ่งก็มองว่า มันอาจจะเป็นวัตถุจากนอกโลกจริง แต่เป็นอุกกาบาตขนาดเล็ก หรือสะเก็ดดาว ที่บังเอิญลอยเข้ามา ในชั้นบรรยายกาศในช่วงนั้นพอดี

          "ตอนที่ผมได้ดูเคสนี้ อย่างแรกผมคิดว่ามันอาจจะเป็นดาวตก หรืออุกกาบาตที่สว่างมากๆ ที่เข้ามาในชั้นบรรยากาศ พวกมันอาจจะรูปร่างคล้ายกับซิกาจากชิ้นส่วนที่แตกออก" แม็คกานา ให้ความเห็น 

          แล้วสารเหนียวที่ตกลงมาจากท้องฟ้าที่เรียกกันว่า "เส้นผมนางฟ้า" คืออะไร? คำอธิบายที่ดีที่สุดในเรื่องนี้น่าจะเป็น สิ่งที่เกิดขึ้นจากปรากฎการณ์แมงมุม อพยพที่เรียกว่า Ballooning Spider

          มันปรากฏ ที่แมงมุมจะปีนขึ้นไป ให้สูงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งอาจจะเป็นยอดไม้หรืออะไรก็ตาม ก่อนจะยิงใยขึ้นสู่ท้องฟ้า และปล่อยให้ลมพัด ใยของพวกมันให้สูงขึ้น ทำให้มันสามารถบินขึ้นไปในอากาศและลอยไปตามกระแสลม ได้

          "มันค่อนข้างชัดเจนว่าสิ่งนี้ คงมาจากแมงมุมที่เพิ่งฟัก ออกจากไข่แล้วชักใย มันเป็นใยที่บางมากๆ" แม็คกานา อธิบาย เพิ่ม

          "แมงมุมใช้ใยนี้ เป็นเหมือนใบเรือ และโยงตัวเองเข้าด้วยกัน คุณเห็นก้อนใย นี้บนท้องฟ้า แมงมุมจะอยู่ในนี้ เพื่อย้ายถิ่นฐานไปในที่ต่างๆ"

          "พวกมันแค่บินไปพร้อมกับสายลม และสิ่งนี้เคยถูกบันทึกว่าเคยพบเห็นอยู่บนความสูง 14,000 ฟุตจากพื้นดิน ดังนั้นเมื่อพระอาทิตย์ส่องแสงไปที่มัน มันจึงเหมือนกับภาพที่ถูกสร้างด้วยเทคนิคพิเศษ"

"ก้อนใยแมงมุมพวกนี้ บางทีมันก็แตกออก และตกลงมาบนพื้น มันจึงเหมือนเวทย์มนต์ แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น"

          ทฤษฎีนี้ค่อนข้าง ได้รับการสนับสนุนในวงกว้าง เนื่องจากในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม เป็นช่วงที่แมงมุมบางชนิด กำลังย้ายถิ่นฐาน จากซีกโลกเหนือ ลงไปทางใต้ และปรากฎการณ์นี้ ก็ยังพบเห็นได้อยู่เป็นประจำแม้กระทั่งปัจจุบัน

          อย่างไรก็ดี มีคนจำนวนหนึ่ง ที่ไม่ยอมรับในทฤษฎีนี้ หนึ่งในนั้นคือ ปิน็อตติ เนื่องจากเขามองว่า มันยังมีบางอย่าง ที่คำอธิบายเรื่องแมงมุมอพยพ ไม่สามารถตอบคำถามได้

          "แน่นอน ผมรู้เกี่ยวกับสมมติฐานการย้ายถิ่นของแมงมุม มันเป็นเรื่องไร้สาระมาก มันเป็นเรื่องเก่าและยังเป็นเรื่องงี่เง่าอีกด้วย" ปินอตติ กล่าวแย้ง

          เขามองว่า หากเส้นผมนางฟ้า คือใยแมงมุมจริง เหตุใดผลวิเคราะห์ทางเคมี ของมันจึงออกมาไม่เหมือนส่วนประกอบ ที่อยู่ในใยแมงมุม ที่ต้องประกอบด้วยโปรตีน โซเดียม ไนโตรเจน แคลเซียม ไฮโดรเจน และอ็อกซิเจน

          "ผมไม่เคยเชื่อรายงานเก่าชิ้น ใดๆ และเหตุการณ์แปลกใดๆ แบบนี้ นอกจากจะได้เห็นข้อมูล ด้วยตาตัวเอง" ผู้เชี่ยวชาญด้าน ยูเอฟโอ ของอิตาลีอธิบายกับ BBC

          "ชัดเจนว่าแมกนีเซียม และแคลเซียม เป็นธาตุพื้นฐานที่อยู่ในร่างกายของเรา โบรอน และซิลิกอนน้อยกว่านั้น แต่ถ้าสิ่งนี้เป็นธาตุหลักที่อยู่ในใยสีขาว มันฟังไม่ขึ้นสำหรับผม ที่จะคิดว่ามันมาจากแมงมุม"

          ผ่านมาแล้วเกือบ 60 ปี ตั้งแต่วันนั้น แน่นอนว่าหลักฐานที่จะตรวจสอบพบ ก็เริ่มจางหายไปตามกาลเวลา แต่สิ่งที่ยังอยู่คือความทรงจำ ของเหล่าผู้ที่ได้พบเห็นมันด้วยตาตัวเอง ที่ต่างบอกว่าเป็นความทรงจำที่ไม่ลืม ไปชั่วชีวิต

"ผมอยากรู้มาก ว่ามันคืออะไร และผมมีความสุขมาก ที่ได้เห็นมัน" ทูซี กัปตัน ของปิสตอยเซ กล่าวกับ BBC

"จริงๆ แล้วผมเชื่อแบบนั้น ว่าเป็นสิ่งที่มาจากจักรวาลอื่น เราอยู่ที่สนามและเห็นมัน มันเป็นสิ่งที่สุดยอดจริงๆ ที่ได้เห็น"

          ปัจจุบันยังคงไม่มี คำอธิบายที่ชัดเจน ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นคืออะไร แม้ว่าบางส่วนอาจจะล้อเล่นว่า มนุษย์ต่างดาวอาจจะอยากมาชมฝีเท้านักเตะ ฟิออเรนตินา ถึงขอบสนาม เนื่องจากในช่วงทศวรรษที่ 1950 ม่วงมหากาฬ ถือเป็นทีมใหญ่ที่ลุ้นแชมป์ทุกปี แต่ในเชิงวิทยาศาสตร์ แล้วก็ยังไม่มีคำตอบในเรื่องนี้ และทำให้มันยังคง เป็นปริศนาที่ยัง ไม่คลี่คลาย มาจนถึง ทุกวันนี้

----------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น