วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2564


เบื้องหน้ามหาภัยวิบัติ กึ่งพุทธกาล



            เมื่อโลก และจักรวาลขาดความสมดุล ดีกับชั่วไม่สมดุลกัน โลกเอียงตาม เพราะความลำเอียงจึงเกิดขึ้น ถ้าเอียงไปทางดี จะดีมาก ก็ยิ่งดี มีแต่สุขมีแต่งอกงาม  แต่ถ้าเอียงไปเลว หมายถึงมนุษย์ เดือดร้อน ลำบากมากไป ใช่ว่าจะดี คนดีเดือดร้อน นี้ช่างไม่ยุติธรรม

            ความปราณีของเทพเจ้า ก็สิ้นสุดลง ทั้งเป็นไปตามแรงกรรม อันต่ำเตี้ยของมนุษย์  เทพเจ้าผู้เป็นใหญ่เจ้าแห่งจักรวาล ต้องเข้ามาดูแล เพื่อรักษาความสมดุล คือความยุติธรรม ไม่ให้หายไปจากโลก เพราะอมนุษย์ครองโลกมานานมาก มนุษย์ทุกข์ยาก มามากเพียงพอแล้ว ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว ถ้ามนุษย์ยังไม่สำนึกจะ ถูกกวาดลง นรกกันให้หมด

             เมื่อสองขุนพล จอมทัพแห่งสวรรค์ ผู้พิทักษ์ด่านประตู แห่งสวรรค์ ได้รับบัญชาจากเทพผู้เป็นใหญ่  ให้ลงมาปราบมนุษย์อธรรม หน้าที่สำคัญ คือ แยกมนุษย์ชั้นดีกับชั่ว  ออกจากกันและแยกไปเรื่อย ๆ  เมื่อสองขุนพลจอมทัพแห่งสวรรค์ ลงสู่ดินแดนมนุษย์ เริ่มนับจากปีจอ ก็เริ่มทำงาน บทคัดแยกมนุษย์ ทันที เริ่มจากเบาไปหาหนัก  เพื่อรอให้ใครบางคนสำนึก  สำนึกแค่ไหนก็แค่นั้น เท่าที่ทำได้

            บทลงโทษบทแรก  จากเบา ไปหาหนัก ทยอยเริ่ม ด้วยโรคระบาด  จนถึงปีกุน มนุษย์บนแผ่นดินโลก จะสิ้นจากเก้าคน เหลือเพียงหนึ่ง ที่สิ้นนั้นส่วนมากเป็นมนุษย์ ชั้นเลว ที่ก่อกรรมทำชั่วมาชั่วชีวิติ เมื่อโรคระบาดจางหาย มนุษย์บาป เริงร่าดีใจ ชั่วข้ามคืน ว่าข้ารอดแล้ว

            แต่ ปฐมบทคัดแยกมนุษย์ แค่เพียงเริ่มขึ้น บทลงโทษ หรือกลไกแห่ง การคัดแยกก็เริ่มด้วย ภัยจากแรงลมอันร้ายกาจ รุนแรง โหมกระหน่ำ  ตามมาด้วย ภัยจากไฟจากฟ้า โหมลุกไหม้ไปทั่วภูเขา และท้องทุ่ง ทั้งภัยจากน้ำท่วม ครั้งยิ่งใหญ่ ภัยจากการแย่งชิง ความเป็นใหญ่ในจิตมนุษย์ ในทำสงครามล้างผลาญเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ภัยจากโรคร้าย นานาชนิด ที่กลายพันธุ์ ทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อน

            เมื่อธรรมชาติเสียหาย ย่อมเกิดภัยจากสัตว์ร้าย มีพิษขบกัดทำให้เจ็บป่วย  นอกจากนั้นท้องฟ้ายังแปรปรวนล้วน พิโรธ เกิดภัยจากกระแสไฟฟ้า ฟ้าผ่า ธรรมชาติแปรปรวน เกิดภัยแห้งแล้งจนอดอยาก เพราะ อาหารขาดแคลน ทั้งการทำมาหารับประทาน ฝืดเคืองมากขึ้น ยิ่งรุนแรงมาก ตามลำดับ เริ่มเข้าเกณฑ์ ปีวอก จนถึงปีชวด พืชพันธุ์ ธัญญาหารจะไม่สมบูรณ์ ผู้คน ล้มตาย เพราะอดอยาก ทั้งมีภัยสงครามยากจะหลีกหนี

            สาธุชนคนดี ประกอบด้วยเมตตาจิตตั้งใจ เผยแผ่คัมภีร์ออกไป บอกต่อให้มนุษย์ รู้และเตรียมตัว ตื่นรู้ ไว้ ไม่หลงลืม แก้ไขทัน เขาเหล่านั้นย่อมประสบแต่ ความเป็นสิริมงคล ทุกคนในครอบครัว จะร่มเย็น เป็นสุข สามารถรอดพ้นจากมหันต์ภัย น้อยใหญ่ ทั้งหลายได้

            เทพเจ้า เข้าประชุมธรรมสภา กันบ่อยครั้ง พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ได้เข้าเฝ้าพระผู้ เป็นเจ้าเบื้องบนสูงสุด เพื่อทูลรายงาน  ความคืบหน้า ถึงพฤติกรรมของมนุษย์ เป็นระยะ ๆ ว่าความดี ความชั่ว ที่มนุษย์ได้กระทำ ครั้นองค์เทพผู้ใหญ่ ทรงทราบข่าว ทราบสภาพ ความเลวร้าย บนโลกมนุษย์ ยิ่งทวีมากขึ้น ตามลำดับ ซ้ำร้ายไม่สำนึกแล้ว ยิ่งเลวหนักขึ้นทับทวี

            พระองค์ ทรงพิโรธยิ่งนัก บางครั้งยังต่อว่า เหล่าเทพ ทั้งหลาย ว่า “เสียแรงเปล่าที่ชาวโลกพากัน จุดธูปเทียนบูชา กราบไหว้ พวกท่าน  แต่พวกท่าน กลับทำหน้าที่ ไม่สมบูรณ์ แต่กลับไม่ยอมอบรมสั่งสอนมนุษย์ทั้งหลาบ ไม่กำหราบ สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ให้เกรงกลัว ไม่คิดหาวิธีสอนมนุษย์ และหาวิธีให้พวกเขาสำนึก

            จนมาบัดนี้ ก็ใกล้หมดเวลา เต็มทนแล้ว  ทั้งในโลกมนุษย์ คนใจบาปหยาบช้า เพิ่มทวีขึ้น อย่างหน้าตกใจ ผู้คนไม่มีจิตเป็นธรรม ความกลัวต่อบาป ไม่มี คนไร้สำนึกหลงเหลืออยู่ไม่มีเลย  ดังนั้นจึงได้เวลา ต้องคัดแยก มนุษย์ โดยด่วน จึงอนุมัติ ให้เกิดภัยพิบัติ  โรคระบาด ให้เกิดอย่างต่อเนื่องกัน ติดต่อกันไป หลายปี เพื่อจัดการคนชั่วช้า สามานย์ และ ทั้งหวัง จะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจิตใจ ของชาวโลกเสียใหม่ แม้ความหวังนี้ จะน้อยนิดก็ต้องทำ

            ในเวลานั้น บรรยากาศ ในธรรมสภาต่างก็ เงียบสงัด ด้วยความสลด สังเวชใจ เทพผู้นำ แห่งทะเลทักษิณ ถึงกับทรุด พระวรกาย หมอบลงกับพื้น พระบรมวิมาน ปากก็ทรงพร่ำทูล ขอโปรดให้เมตตาต่อมนุษย์ ท่านวิงวอน ขอความกรุณาให้แก่ชาวโลกเป็นหลายครั้งว่า  ขอพระองค์ โปรดทบทวน ด้วยเถิด ภารกิจนี้ ไม่ควรเหมารวม มนุษย์ชั่วร้ายสมควรดับ แต่มนุษย์ที่ดีงาม ควรเมตตา ควรคัดออก

            องค์เทพผู้เป็นใหญ่  จึงทรงพระบัญชาชี้ ขาดว่า  ได้ “ดีชั่ว สองฝ่าย ต้องแยกกัน ภัยร้าย ความเสียหาย ทุกข์ยาก อย่าเหมารวม ช่วยได้ช่วย ตามบุญ กรรม ของใครก็ของใคร  ให้สงคราม เจาะจงเลือก ที่เกิด  โรคระบาด ก็เจาะจงเลือกคนติด  คนดีมีศีลธรรม เทพต้องแบ่งหน้าที่คุ้มครอง  และขอให้จอมเทพพิทักษ์ธรรม จงรับราชโองการ ไปดำเนินการ  วางแผน กวาดล้างมนุษย์ที่กระทำชั่วร้าย ที่เป็นขยะของโลก ตามพฤติกรรม ที่ กระทำผิด ผิดตามกฎหมาย แห่งจักรวาล ได้บัญญัติไว้ ดังต่อไปนี้ 

            พวกแรก มนุษย์ พวกที่ปากพร่อย ชอบกล่าวโทษ ด่าว่าฟ้า และดิน ว่าไม่ยุติธรรม อย่างโน้น อย่างนี้  และทุกอย่างล้วนมีเหตุผลด้วยกันทั้งสิ้น   มนุษย์ พวกต่อมา เป็นเป็นประเภท ที่ดำเนินชีวิต ปฏิบัติตนผิดหลักฟ้า ฝืนหลักแห่งธรรม สิ่งที่ถูกต้องแล้วว่าผิด สิ่งที่ผิดกลับ หาข้อโต้แย้งว่าผิด พวกนี้ต้องลงโทษให้หนัก เช่นกัน   ต่อมา ก็มีมากขึ้น พวกที่ไม่กตัญญูต่อ พ่อ แม่ ผู้มีพระคุณ หน้ากระดาษที่บันทึกไว้ก็มากสุดประมาน

 

ทั้งยังมี พวก ที่นิยมฆ่าสัตว์ ให้ชีวิตเขาตกตาย ไปทกวัน ทุกเวลา โดยเฉพาะ นักฆ่าเป็นอาชีพ ทั้งฆ่าเป็นการกีฬา ยิงนก ตกปลา พวกนี้ก็มีไม่ใช้น้อย  ตามมาด้วย พวกที่ชอบลักขโมย ปล้นชิงทรัพย์ หยิบฉวยทรัพย์ สมบัติของผู้อื่น

            นอกจากนั้น พวกใช้ปาก เป็นอาวุธ สรรหาคำมาโกหก หลอกลวงให้ คนหลงเชื่อ เล่นแร่แปรธาตุ ประดิษฐ์ แต้มต่างคำใหม่ สัปดน ให้คนหลงเชื่อสับสน วุ่นวาย ในความหมาย  พวกที่ประพฤติผิดในกาม มักมากใน กามคุณ ถวิลหาใน กามราคะตัณหา ไม่รู้จบ  พวกนักเลง สุรา ชอบดื่มสุรา สิ่งมอบเมา สูบบุหรี่ หลงใหล ในสิ่งเสพติด ของมอมเมาสติ ทุกประเภท

            ความชั่ว ไม่กลับบาป ยังไม่พอ ในยุคสุดท้ายนี้  ตามมาด้วย พวกที่ไม่สนใจใน ศีลธรรม ในความดีงามอะไร  ฉันไม่สน พวกจิตใจที่ขาด หิริโอตัปปะ ไม่เกรงหลัว  ไม่สำนึก ไม่ละอายใจ ในการทำชั่ว ไม่เกรงกลัวบาปกรรม

พวกที่ทำลายพระศาสนา ทำลายคุณธรรม ความดี ทั้งยัง แต่งวาจาบิดเบือน หลักธรรม หลอกลวงอ้างเทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มาแอบอ้างเป็นพวกตน อ้างอำนาจ เพื่อตน ได้สิ่งชอบธรรม ไปสร้างกรรมชั่วต่อคนอื่น  และพวกที่ เหยียบย่ำทำลาย พระคัมภีร์ หลักธรรม อักษรหนังสือ

พวกที่ใจเหี้ยมโหด ข่มเหง ฆ่าเบียดเบียน ชีวิตผู้อื่น เพื่อผลประโยชน์ของตน  มนุษย์ที่ บันทึกไว้ในบัญชี หนังสุนัข  เพื่อรอวันชำระ พวกต่อมา เป็นพวก ที่ทำลายผู้อื่น เพื่อมุ่งผลกำไร เพื่อความสุขส่วนตน พวกที่ 

            พวก ค้าขายไม่ซื่อสัตย์ ใช้เล่ห์เหลี่ยม ขูดรีด คดโกงตาชั่ง พวกที่ค้าขายสินค้าปลอม ยาปลอม หลอกลวงชาวบ้าน ว่าสิ่งนี้ดี มีคุณภาพ แต่นำไปใช้แล้วกลับเกิดโทษ  พวกที่หาประโยชน์จากผู้อื่น ด้วยการ หลอกลวง ต้มตุ๋น   พวกที่พูดจาหยาบคาย ทุบตี ดุด่า  บุพการี ปู่ ย่า ตา ยาย  พวกที่ชอบพูดจาให้ร้ายป้ายสีผู้อื่น  ตามมาอีก คือ พวกที่อารมณ์ร้าย โมโห โกรธา ด่าว่า คนอื่นไปทั่วเป็นนิสัย

            พวกที่ชอบว่ากล่าว ชอบตำหนิ เพ่งโทษผู้อื่น ด้วยใจอคติ ไม่เที่ยงธรรม พวกผู้ชายที่ไม่จริงใจต่อภรรยา พวกผู้หญิงที่ไม่เคารพซื่อสัตย์ ต่อสามี  พวกที่ชอบ พูดยุแหย่ ให้เข้าใจผิด หวังทำลายชีวิตครอบครัวผู้อื่นให้แตกแยก และล่มสลาย

            พวกพี่น้อง ที่ไม่รักใคร่ปรองดองกัน คอยแต่แก่งแย่ง ชิงดี ชิงเด่น ฟ้องร้อง แย่งชิงทรัพย์สมบัติมรดก ไม่ซื่อสัตย์ต่อพี่น้องในเรื่องมรดก จนเป็นเหตุ บาดหมางใจ ให้พี่น้อง วงศ์ตระกูลเดียวกัน แต่กลับทะเลาะเบาะแว้ง ไม่สามัคคีกลมเกลียว

            มนุษย์ พวกต่อมา ที่ต้องลงโทษให้หนัก ไม่น้อยหน้ากัน พวกที่ชอบยุยง ส่งเสริมให้ผู้อื่น ฟ้อง ร้องคดีความรวมทั้ง พวกที่ไม่มีความจริงใจ เป็นคนลวงโลก วัน ๆ  มี แต่สวมหน้ากากเข้าหากัน พวกหน้าเนื้อ ใจเสือ ภายนอกแต่งกาย ให้ดูดี แต่ภายในสกปรกโสมม

            พวกที่อาศัยอำนาจหน้าที่ ใช้อิทธิพล ในทางที่ผิด มีพฤติกรรม กดขี่ราษฎร ยักยอก ฉ้อราษฎร์ บังหลวง โกงกินบ้านเมือง ไม่รู้อิ่ม ไม่รู้จักคำว่าพอ  พวกที่ชักศึกเข้าบ้าน ล้างผลาญ ประเทศชาติ เพื่อผลประโยชน์ของตน  พวกผู้ปกครองที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของ ตนให้ดี กลับใช้อุบายวางแผนแก่งแย่งชิงกัน เป็นใหญ่  พวกที่ชอบประจบสอพลอ พะเน้า พะนอ ยกย่องเชิดชูรับใช้คนเลว

            พวกที่คอยมุ่งร้าย รังแกคนทำงานที่ซื่อสัตย์สุจริต เป็นพวกคนพาล สันดานบาป ที่คอยก่อกวน ให้ผู้คนเดือดร้อนอยู่ไม่เป็นสุข  พวกคนร่ำรวย แต่ใจร้ายข่มเหงคน ยากไร้  พวกที่ชอบยกย่องคนรวย กลับเหยียบย่ำ คนจน 

            พวกที่เห็นคน อยู่ในฐานะลำบาก ได้รับความทุกข์ แต่กลับเฉยแล้งน้ำใจ  พวกที่เห็นผู้อื่นร่ำรวยกว่าตน ก็เกิดความ อิจฉาริษยา  พวกที่เห็นผู้อื่นในฐานะสูงส่ง ด้วยชื่อ เสียงเกียรติยศ ก็เกิดความโกรธแค้นชิงชัง

            พวกที่มีจิตใจ อาฆาตพยาบาท ใช้ไสยศาสตร์มนต์ดำสาปแช่งผู้อื่น  รวมทั้งพวกที่ เรียนคาถาอาคมทำร้ายผู้อื่น ทำเสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปฝังรอย  พวกที่ชอบฝึกวิชามาร ทำพิธีใช้ภูตผี กลั่นแกล้งทำลายล้างผู้อื่นพวกที่ชอบเผาป่า ทำลายสุสาน บุกรุก สถานที่ศักดิ์สิทธิ์  พวกที่กินทิ้งกินขว้าง ไม่รู้จักพระคุณ ข้าว น้ำ อาหาร  และพวกที่ทุบตีเด็กเล็กไร้เดียงสา ด้วยอารมณ์   โทสะ ข่มเหง รังแกเด็กๆ ผู้ที่ไม่สามารถจะช่วย ตนเองได้

            พวกที่ประพฤติตน คิดแบบอย่างชี้นำ สอนให้เด็กอนุชนรุ่นหลัง กระทำตามจนต้อง กลายเป็นคนเลว ชีวิตไร้แก่นสาร   นอกจากนั้น  ยังมี พวกที่ถือตัวว่าอาวุโสสูงอายุ ใครว่า กล่าวไม่ได้ ทำผิดไม่ยอมรับ ตักเตือนไม่ยอม แก้ไข 

            ทั้งหมดนี้  เป็นเพียงกรรมชั่ว เพียงบางส่วน ที่มีมากมาย ในกฎหมายของจักรวาลที่บัญญัติว่า ข้อกรรมชั่ว ที่ผู้ใดประพฤติ ผู้นั้นจะต้องถูกตรวจสอบ บันทึกไว้ ทั้งควบคุม ทั้งต้องเก็บ และกวาด ให้เรียบร้อย ไม่ให้เหลือไว้ในโลก

 

             เมื่อตายลงไปก็ ต้องถูกเหวี่ยงเข้าสู่หนทางเปรต แดนสัตว์นรก และอสุรกาย  มนุษย์บาป พวกนี้ แม้ยัง ไม่สิ้นอายุขัย เทพเจ้าท่าน กล่าวว่า มนุษย์ชั้นเลว พวกนี้ ท่านว่า ต้องมีอันเป็นไป  จะสูญพันธุ์ กันทั้งตระกูล ให้บ้านแตก สาแหรกขาด  

            หนักสุด จะเกิดเหตุให้ นองเลือดท่วมแผ่นดิน ให้กระดูก ทับถมในพงพี บ้านเรือนของพวกเขา ให้ถูกผู้อื่น ยึดครองเข้าอยู่อาศัย ที่นาของพวกเขาจะไร้คน แม้เพาะปลูก ก็แร้นแค้น

            หากมนุษย์ สำนึกตน จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตน จงรีบทำ ให้ละเว้นความชั่ว สร้างสมคุณความดี ผู้ที่เจ็บไข้ป่วย ก็จะหาย อายุจะยั่งยืน”

            เทพเจ้า แจ้งว่า ให้มนุษย์เร่ง ปฏิบัติแต่สิ่งดีงาม เมื่อกระแสความคิดจิตใจและ การกระทำของเหล่าเวไนยสัตว์ ทั้งหมด ทั้งดี และไม่ดี จะถูกนำขึ้นกราบ ทูลรายงานเบื้องบน ทันที

            เทพเจ้าผู้นำ ที่เป็นใหญ่ พระองค์ทรงมีพระราชโองการดังนี้  “ข้าฯ จะลงมาตระเวนตรวจตราดูมนุษย์ ทุกแห่ง ทุกเขตแดน อย่างละเอียดถี่ถ้วน ข้าฯ จะดำเนินการพิพากษา ตัดสิน ให้เกิดภัยสงคราม อีกระลอกหนึ่ง ภายใน เวลาไม่กี่เดือน ให้เกิดโรคระบาดขึ้นอีก บางส่วน ที่มนุษย์บาป เกินรักษา ทุกหน ทุกแห่ง จะถูกเก็บกวาดให้หมดสิ้น

            ส่วนพวกคนบาป ที่ยังไม่กลับตัว กลับใจ หันมาสร้างกรรมดี ต่อให้ พวกเขา สวดวิงวอนถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ตอบ สนอง ต่อให้กินยารักษาโรค ยาก็ไม่ได้ผล ถึงแม้ ตำรา ยาวิเศษแค่ไหน ดีชั่วมีผล ต่างกัน คนดีมีคุณธรรม กินยารักษาโรคก็สัมฤทธิ์ ผล คนชั่วช้าสามานย์กินยาแล้วก็ไม่อาจรอด

            บัดนี้ ข้าเห็นสภาพการณ์ว่า ในหมู่มนุษย์ ทุกวันนี้ น่าเวทนา ไม่มีวิธีการใด จะสามารถช่วยเวไนยสัตว์ได้ทัน  ต่อให้จุดธูปบูชา อ้อนวอน  ต่อเทพเจ้า ต่อสิ่งดีงาม เพียงใด ก็เสียแรงเปล่า เพราะอาจจะสายไปเสียแล้ว

            เพราะ บัดนี้ ถึงวาระเข้าสู่ปลายยุคกัป  สุดท้ายแล้ว มหันต์ภัย ยุคสุดท้ายกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้น  มนุษย์ธรรมดา จากเก้าคนจะตายสิ้น อาจจะเหลือไว้ เพียงหนึ่งคน ที่เป็นผู้มีบุญมากพอ  เมื่อภัยจากโรคระบาด ระบาดจู่โจมบุกรุกทุกดินแดน จางหายไป  อสุนีบาต จากสายฟ้าฟาด ผ่าดังสนั่นสะเทือน เลื่อนลั่น ไปทั่วเขตแดน 

            อีกไม่นาน  อุทกภัยใหญ่ น้ำไหลหลาก ท่วมท้นบ้านเรือน เกิดภัย ลมพายุผกผัน กวาดไปทุก หนแห่ง  บางแห่งบางดินแดน ธรรมชาติแห้งแล้ง ชีวิตทั้งหลายยาก จะอยู่รอด พญามาร จะมาเคาะประตูบ้านในยามค่ำคืน โรคระบาดเข้าประชิดตัวในเวลากลางวัน อีกครั้ง  แม้แต่เสือร้ายจากป่า จะออกมาอาละวาด จะหลบหนี หลีกพ้นกัน ได้อย่างไร เมื่อน้ำทะลัก เข้าบ้านเรือน อสรพิษ ก็มาด้วย เลื้อยเต็มถนนหนทางจนยาก จะเดินทาง

            มหันต์ภัย หลายประการ นี้ ยากจะหลีกหนีพ้น หากสามารถผ่านพ้นไปได้ จึงจะนับว่าเป็นยอดคน ยอดมนุษย์ ที่สร้างกรรมไว้ดีแล้ว  นี่แหละคือมหันต์ภัย อันใหญ่หลวง ที่เทพเจ้า เฝ้าย้ำเตือน  ทำได้เพียง คำเตือนให้มนุษย์  เพราะกรรมใครก็ของใคร  มนุษย์ต้องแก้ไขด้วยตนเอง

            มนุษย์ทั้งหลาย ควรสำนึก ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงจิตใจ ตอนนี้แม้จะสายไปนิด แต่ยังพอมีเวลา พอมีโอกาส จงรีบแก้ไข สำนึกในความผิดบาป แห่งตน เมื่อได้ยินได้รู้ข่าวนี้ ให้เร่งกลับ ตัวกลับใจโดยทันที! อย่ามัวรีรอ จนกระทั่ง ถึงเวลาภัยพิบัติมาประชิดตัว แล้วอาจจะเสียใจ เพราะสายไปเสียแล้ว

            เมื่อถึงตอนนั้น จะวิงวอนร่ำร้องให้ ช่วยเหลืออย่างไรก็ไร้ผลตอนนี้จงเร่ง จงสร้างบุญทำกุศล สะสมคุณความดีกันเสีย แต่ตอนนี้เพื่อหลบหลีกและเป็นเกราะกำบังวิบัติภัย

            เหล่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายเอย จงรีบเร่งตั้ง จิตศรัทธาเคารพกตัญญูต่อฟ้าดิน ศรัทธาเคารพกตัญญูต่อบิดามารดา จงรักแผ่นดิน จงรักประชาราษฎร์

            ส่วนคนยากจน ให้รู้จักเจียมตน  ตั้งมั่นอยู่ในความ มัธยัสถ์  ส่วนผู้นำดินแดน มีอำนาจวาสนา ชนชั้นปกครองคน ตลอดจน ผู้มั่งคั่ง รวยล้นเหลือ  จงรีบเร่งช่วยเหลือเกื้อกูล แก่ผู้ยากไร้ ควรเร่งบำบัดทุกข์ บำรุงให้เกิดสุข ให้แก่ประชา  หน้าที่ตนไม่รู้ ความวิบัติจะตามมา

            ผู้ปราดเปรื่อง เรืองปัญญา  จงพยายาม ตักเตือนช่วยชี้แนะ ผู้ต้อยต่ำด้อยความรู้ ให้ได้ ผ่านพ้นโลกีย์ภัยนี้ ไปด้วยกัน บุคคลใด ไร้บุญบารมี หรือมีบาปหนัก จะตกจมลง สู่ทะเลทุกข์  แต่ผู้ที่สะสมแต่กรรมดี ในยุคนี้ กรรมดีประการแรกจะเป็นเกาะกำบังภัย พ้นทุกข์ พ้นภัย ก้าวไปพร้อมกับกัลยาณมิตร เข้าสู่แดนบรมสงบสุข ชั่วนิรันด์   

--------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น