วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2564

จะสู้ต่อ หรือพอแค่นี้



            ชีวิตคือ สมรภูมิ แห่งการสู้รบ ที่เต็มไปด้วยเลือด เนื้อกระดูก และเปลวเพลิงแห่งสงคราม คุณอย่ายอมแพ้ เหมือนแพะให้ใครเชือดนิ่ม ๆ ในท่ามกลางสงครามนี้  ยิ่งในยามยุค อับจน ไร้ที่พึ่งเช่นนี้ มองไปรอบกายมีแต่คน เห็นแก่ตัว มือมันยาว สาวได้ สาวเอา เขาช่างใจจืดใจดำ ต่อผู้ที่ด้อยโอกาส เราจะยอมจำนนไหมละ  นั้นหมายถึงการจบ อย่างไร้ค่า 

            จงยืนขึ้นมา สูดลมหายใจให้เต็มปอด เราต้องสร้างพลัง แห่งจิตใจ ให้เหิมเกริม มากกว่าในยามปกติ  ให้มีจิตใจฮึก ห้าวเหิมหาญ แล้วก้าวไปข้างหน้า อย่าง องอาจทระนง

            ในโลกนี้มีทั้งผู้ที่รวย และยากจน มีทั้งผู้ที่ประสบความสำเร็จ และพ่ายแพ้ ล้มเหลว ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ถ้าหากเราวิเคราะห์ จากรูปร่างและหน้าตา ความรู้ ความสามารถ ระดับการศึกษา ก็คงจะไม่ใครต่างกันมากนัก  แต่ที่ต่างกันคือ การนำความผิดพลาดมาแก้ไข และการพัฒนาจิตของตนไปสู่แนวทางที่อยู่ในกรอบศีลธรรมอันดี  และความรักที่มีให้ กับเพื่อนร่วมแผ่นดิน ต่างหาก


      สรรพสิ่งในโลกล้วนไม่เที่ยง  มีขึ้นมีลงอยู่ตลอดเวลา มีลาภเลื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ โลกธรรมแปด  คือมียศ เสื่อมยศ มีลาภเสื่อมลาภ  มีสรรเสริญ  มีนินทา  มีสุขและก็กลับมีทุกข์  ทั้งหมดนี้ ต่างก็หมุนเวียน สลับเปลี่ยนกันไป

            คนโบราณจึงบอกว่า "เมื่อเจอเรื่องดีใจ ก็ให้ยิ้มเพียงมุมปากเดียว อย่าถึงกับหัวเราะฮา ๆ ไม่อย่างนั้นถึงคราวพบเรื่องเสียใจ จะต้องร้องไห้โฮ ๆ"  และเมื่อเราพบความยากลำบาก ก็ขอให้อย่าท้อถอย ถือคติว่า "ยิ่งมืดยิ่งดึก ยิ่งดึกยิ่งใกล้สว่าง"  กัดฟัน ทำงาน สู้ทน ค่อย ๆ แก้ปัญหาไปทีละเปลาะ  ที่ละข้อด้วยใจที่เยือกเย็น มั่นคง ยึดมั่น ความดี มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง สุดท้ายปัญหาก็จะคลี่คลายไป เรื่องร้ายจะกลายเป็นดีในที่สุด
 
      หากเปรียบชีวิตเรา ดุจเรือที่แล่นไป ในมหาสมุทร เมื่อกระแสลมพัดมา เราย่อมไม่อาจเปลี่ยนทิศของลมได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือ การปรับใบเรือ และควบคุมหางเสือ ของเรา แทนที่จะปล่อยให้เรือแล่นไปตามยถากรรม ชีวิตของเราก็เช่นกัน เราไม่อาจบังคับเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ได้ ไม่อาจสั่งให้ใครเป็นอย่างที่เราพอใจ

            แต่เราสามารถปรับใจของเราได้ ปรับความคิดของเราได้ และปรับปรุงตัวของเราได้ โดยเราจะอาศัยสิ่งที่เกิดขึ้น รอบตัวเรา เป็นพลังในการขับเคลื่อนนาวาชีวิตลำนี้ไปสู่เป้าหมาย หรือความสำเร็จที่เราต้องการ  เมื่อใดที่รู้ว่าตัวเอง ทำพลาดไปแล้ว ก็พร้อมที่จะสำนึกตนว่าพลาด และก็มีความกล้าหาญพอที่จะยอมรับผิดและปรับปรุงแก้ไข

            รู้จักถอยอย่างนี้ แทนที่จะเป็นการบั่นทอนศักดิ์ศรีของตัวเอง ตรงกันข้าม กลับจะเป็นที่รักเคารพเกรงใจของคนอื่นๆ ยอมรับว่าผิดก็คือผิด กล่าวคำขอโทษ สำนึกตนใหม่พร้อมเดินหน้าแก้ไข นี้คือยอมมนุษย์ หางยุค
        หลายครั้งในชีวิตของเราต้องเลือก ระหว่าง “ตามใจตัวเอง” กับการ “ชนะใจตัวเอง” แต่การชนะใจตัวเอง คือ คุณสมบัติของผู้ประสบความสำเร็จ
      ผู้ใดไม่จมอยู่ในอดีต ไม่พะวง ถึงอนาคตมากจนเกินไป แต่ตั้งใจทำกิจปัจจุบันของตนให้ดีที่สุด ความสุข ความสำเร็จของบุคคลนั้น ย่อมอยู่แค่มือคว้า
      เมื่อเราเกิดมาเพื่อสร้างความดี เราต้องไม่ประมาทในทุกที่ ทุกเวลา เพราะเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นได้เสมอ ในทุกจังหวะชีวิต
      ใจที่นุ่มนวล ปั้นง่าย เหมือนดินเหนียว ที่อ่อนนุ่ม ปั้นเป็นรูปต่าง ๆ ได้ แต่ถ้าดินแข็งกระด้างปั้นไม่ลง ฝืนดัดมันก็จะแตกหัก ใจคนก็เหมือนกัน ถ้ายังกระด้างก็ฝึกยาก แต่พอมาปฏิบัติธรรมใจจะนุ่มนวลควร แก่การงาน แม้บางครั้งถึงโลกจะดูคับแคบไปบ้าง แต่ก็ยังพอมีที่ว่าง พอที่จะอยู่กันอย่างสงบสุข ขอเพียงเรามีน้ำใจให้แก่กัน การใช้ชีวิตคู่ คือการเป็นกัลยาณมิตรให้แก่กันและกัน ประคับประคองกันเป็นคู่บุญคู่บารมี

 มีความสันโดษ  พอใจในสิ่งของที่ตนมี

             เช่นเงินทอง ของตน แม้ล้นหลาย
มื่อมีน้อย จ่ายน้อย ค่อยสบาย  ความจนหาย เลยลับ กลับมั่งมี

            บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง        สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว  และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง   ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบัน  ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้น ๆ ได้

            บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด     พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละ  ใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่ง            เพราะว่าความผัดเพี้ยนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้น   ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย

เราควร เลียนแบบพระมุนี ผู้สงบย่อมเรียกว่า เป็นบุคคลผู้มีปรกติอยู่อย่างนี้   มีความเพียร ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน  นั้นแปลว่า ผู้มีราตรีหนึ่งก็เจริญ ฯ (พุทธพจน์)

"จับ แล้วดู แต่แง่มุมที่ดีๆ เราก็จะไม่รู้สึกทุกข์เลย"  ทุกคนมีข้อดีอยู่ในตัว ขอให้เราฝึกเป็นคนที่มองข้อดีของคนอื่น อย่าไปมองจับผิดเขา  แม้คนที่ดูไม่ค่อยดี เขาก็มีจุดเด่น จุดดี ให้เราหาวิธีการ เอาจุดเด่นจุดดีเขามาใช้ ถ้ามองอย่างนี้แล้ว ใจเราเองจะปลอดโปร่ง โล่ง สบาย มีความสุข

       “ยิ่งให้ ยิ่งได้” เพราะเมื่อคิดจะให้  ใจจะเบิกบานขยายกว้างออกไป คิดให้กับทุกคนในครอบครัว ใจก็จะขยายคลุมไปทั้งครอบครัว

       เปิดใจให้กว้างขึ้น เล็งมองดูกัน เสมือนเป็นหมู่ญาติมิตรกันทั้งแผ่นดิน ถ้าทำได้อย่างนี้ความเกลียดชัง จะคลาย ความให้อภัยกันจะเกิดขึ้น  ใจเราจะเย็นสบาย คลายหายกังวล

       ถ้าเราหมั่นฝึกฝนอบรมจิตใจ ของเราให้ดีงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเราได้ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง อันเป็นการฝึกฝนใจให้มีพลัง ให้ผ่องใส สิ่งเหล่านี้ คือคุณภาพของใจ ที่จะติดตัวเราไปข้ามภพ ข้ามชาติได้ เป็นสมบัติที่สั่งสมไว้ในใจ นับล้านชาติ อสงไขยชาติ ก็ยังเก็บไว้ในใจดวงนี้ได้ ตลอดไป

       หน้าที่การงานทุกอย่าง ทำให้ดีที่สุด อย่าไปกลัว อย่าไปท้อกับอุปสรรค   ถ้าเราอยากจะเป็นที่รักของทุกคน เราก็ต้องรู้จักพูด  เลือกใช้คำ ที่ให้กำลังใจ ยกใจเขาให้สูงขึ้น ให้สบายใจ มีกำลังใจในการทำความดี

        ว่ากันว่า...ปลาทองเป็นสัตว์ ที่มีความจำสั้น เพียง 3 วินาที บางอย่าง ถ้าเราสามารถลืมได้ง่าย ๆ อย่างเจ้าปลาทอง ก็คงจะดี เพราะธรรมดาของคนเราชอบจดจำ ในสิ่งที่ผิดพลาด ทั้งที่มีเรื่องราวดี ๆ อีกมากมายที่น่าจดจำ  ก็ไม่จำ เหมือนคำว่า รักยืนนาน "ยิ้มแย้ม   เยือกเย็น    ยืดหยุ่น    ยกย่อง"

        เราล้วนเป็น พี่ น้อง กัน เราหายใจ ในอากาศเดียวกัน เราดื่มน้ำจากฟ้าเดียวกัน เราอาศัยอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว เดียวกัน เราเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น

อย่าไปโทษ....ความยากลำบาก เพราะเราต่างหากที่ ...ไม่อดทน

          ความคิดในใจของเรา มันสำคัญจริง ๆ ส่งผลต่อทุกเรื่อง ตั้งแต่สุขภาพ ไปจนถึงเป็นพลังงานในตัวเรา นำเราไปทำสิ่งที่ดี หรือไม่ดีได้  แล้วแต่ความคิดนั้น คิดในทางที่ดี หรือไม่ดีได้ด้วย เมื่อรู้อย่างนี้ เราจึงต้องรู้จักใช้ความคิดไปในทางบวก   คนที่ล้มแล้วลุกขึ้น ได้ด้วยตัวเอง ต่อไปจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด และยากที่จะล้มได้อีก

       เราสามารถหาความสุข ได้ทุกวัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะคิดอะไร ถ้าจะให้กลุ้ม ก็คิดเรื่องที่ทำให้กลุ้ม ถ้าจะให้มีความสุขก็ต้อง คิดเรื่องที่ทำให้มีความสุข

            มนุษย์นั้นมีสองขา  มีขาขึ้นกับขาลง ชีวิตก็มีขึ้น มีลงผู้ที่ควบคุม จังหวะชีวิตขาขึ้นได้ ก็จะประสบความสำเร็จ  แต่ถ้าควบคุมขาขึ้นไม่ได้  ก็จะต้องพบกับขาลง และพลาดโอกาสดี ดีไป คราวนี้แหละชีวิต ก็จะเกยตื้น ระหกระเหิน ไปชั่วชีวิต

-----------------------------------------------------

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น