ขณะนั้นมีผัวเมียสองคน
ผัวชื่อซูตายเป็นคนเข็ญใจบานอยู่นอกเมือง เคยทำเกาทัณฑ์ขายมิได้ขาด
ครั้นเพลารุ่งเช้าซูตายแบกเกาทัณฑ์
ภรรยาหาบลูกเกาทัณฑ์เข้ามาในเมืองหลวงพบโจหยีเข้าที่ต้นตลาด
โจหยีเห็นดังนั้นจึงคิดว่า เปกเอียงอูกราบทูลว่าบ้านเมืองจะเกิดเหตุเพราะผู้หญิง
บัดนี้ผู้หญิงหาบลูกเกาทัณฑ์เข้ามาในเมือง
สมกับคำทำนายต้องด้วยรับสั่งห้ามโทษถึงตาย โจหยีก็จับหญิงคนนั้นว่าขายของต้องห้าม
ซูตายผู้ผัวตกใจทิ้งอาวุธเสียวิ่งหนีไป
โจหยีก็มัดหญิงผู้นั้นเข้าไปกราบทูลพระเจ้าชวนอ๋อง
พระเจ้าชวนอ๋องก็สั่งให้เอาตัวหญิงนั้นไปตัดศีรษะเสีย โจหยีก็พาไปตามรับสั่ง ฝ่ายซูตายคอยฟังข่าวภรรยาอยู่นอกกำแพงเมือง
ได้ยินคนเดินไปมาพูดกันว่าคนขายลูกเกาทัณฑ์ โจหยีจับไปกราบทูล
มีรับสั่งให้ฆ่าเสียแล้ว ซูตายตกใจกลัวเขาจะตามมาจับก็รีบเดินร้องไห้ไปตามริมคลอง
ครั้นพ้นบ้านคนจึงเห็นกระสอบขึ้นเกยตลิ่งอยู่ใบหนึ่ง ฝูงนกกาลงล้อมอยู่เป็นอันมาก
ซูตายเดินเข้าไปใกล้นกกาก็บินไปสิ้น จึงแก้กระสอบดูเห็นหญิงทารกยังหายใจอยู่
ก็รู้ว่ายังไม่ตาย มีความสงสัยนัก จึงคิดว่าทารกนี้มีวาสนา
เขาเอาใส่กระสอบมาทิ้งเสียแล้วยังหาตายไม่ บัดนี้ภรรยาเราก็ตายแล้วบุตรก็ไม่มี
จะพาเด็กนี้ไปเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรมเถิด นานไปเมื่อหน้าถ้าบุญของเด็กจะได้ดีบ้างเราจะได้พึ่ง
ซูตายก็อุ้มเด็กขึ้นจากกระสอบอาบน้ำชำระให้สดใสแล้วก็พาไปบ้านโปเสีย
ขณะเมื่อซูตายได้หญิงทารกไป
พระเจ้าชวนอ๋องเสด็จเข้าไปบรรทม ในราตรีวันนั้น เวลาประมาณสามยามเศษ
ทรงพระสุบินนิมิตว่า อิสตรีผู้หนึ่งรูปงามเข้ามาถึงหน้าที่นั่ง หัวเราะแล้วร้องไห้
วิ่งขึ้นไปพารูปพระมหากษัตริย์ทั้งเจ็ดองค์ ซึ่งทำไว้บูชา ณ หอไทเบี้ยว
หนีไปทิศตะวันออก พระเจ้าชวนอ๋องตกพระทัยตื่นจากที่บรรทม
พอเวลาย่ำรุ่งจึงเสด็จไปเปิดประตูหอไทเบี้ยว
ทอดพระเนตรรูปพระมหากษัตริย์ทั้งเจ็ดพระองค์ก็ปรกติอยู่สิ้น จึงให้เจ้าพนักงานสมโภชตามธรรมเนียม
แล้วเสด็จออกขุนนาง จึงตรัสเล่าความสุบินให้เปกเอียงอูฟังทุกประการ
เปกเอียงอูพิจารณาดูในลักษณะสุบินแล้วทูลว่า
พระสุบินนี้พิเคราะดูเนื้อความต้องกันกับหญิงทารกซึ่งเป็นอุบาทว์เมือง
เบื้องหน้านานไปเมืองโกเก๋งจะเกิดวิบัติเพราะอิสตรี
เมืองหลวงจะต้องยักย้ายไปตั้งอยู่ทิศตะวันออก
พระเจ้าชวนอ๋องได้ทรงฟังดังนั้นยิ่งไม่สบายพระทัยหนัก
จึงตรัสว่าโตเบ๊กเราให้ไปสืบดูลูกหญิงที่เป็นอุบาทว์เอาไปลอยน้ำนั้น จะเป็นหรือตาย
ได้หรือมิได้ประการใดก็มิได้บอก โทษตัวก็ถึงตาย พระเจ้าชวนอ๋อง ก็สั่งโปซูให้เอาตัวโตเบ๊กไปฆ่าเลย
ไปซูเข้าผูกมัดโตเบ๊กออกไปจากที่เฝ้า
โจหยีจึงทูลว่าพระองค์จะให้ฆ่าโตเบ๊กเสียเพราะข้อผิดด้วยรับสั่งให้ไปเที่ยวสืบทารกนั้น
โตเบ๊กก็ไปเที่ยวสืบแสวงหามิพบ ได้เข้ามาเฝ้าอยู่ทุกเวลา
พระองค์ไม่ตรัสถามจึงมิได้กราบทูลให้ทราบนั้น โตเบ๊กมีความผิดแต่เพียงนี้
จะให้ลงโทษถึงตายประหารชีวิตนั้น
ข้าพเจ้าเห็นกิติศัพท์จะลือเลื่องไปแก่หัวเมืองทั้งปวง
จะมีผู้นินทาว่าแต่ความผิดนิมิตฝันไม่สู้ดีเท่านี้ ก็ให้ฆ่าขุนนางเสีย
ข้าพเจ้าขอรับพระราชทานชีวิตโตเบ๊กไว้ ทรงตรึกตรองก่อน
แม้นพระองค์มิฟังข้าพเจ้าทัดทาน จะให้ฆ่าโตเบ๊กเสียจงได้
ก็ขอให้ฆ่าข้าพเจ้าเสียด้วยเถิด
พระเจ้าชวนอ๋องได้ฟังดังนั้น
ก็ทรงพระโกรธจึงให้ขับโจหยีไปเสียจากที่เฝ้า
ฝ่ายทหารคุมตัวโตเบ๊กออกไปถึงตะแลงแกงที่พิฆาตคน ก็ฆ่าโตเบ๊กเสียตามคำสั่ง
โจหยีครั้นมาถึงบ้านมีความน้อยใจพระเจ้าชวนอ๋องไม่ฟังคำ ถอดกระบี่ออกจากฝักเชือดคอตาย
ในขณะนั้นมีผู้นำเนื้อความขึ้นกราบทูลแก่พระเจ้าชวนอ๋อง
พระเจ้าชวนอ๋องครั้นทราบความว่าโจหยีตายก็มีความอาลัยนักด้วยโจหยีเป็นคนสัตย์ซื่อต่อแผ่นดิน
ฝ่ายโตสิบชกเมื่อพระเจ้าชวนอ๋องให้ฆ่าโตเบ๊กผู้บิดาเสียแล้ว
ก็หนีไปทำราชการอยู่ด้วยเจ้าเมืองจีน เจ้าเมืองจีนเห็นว่าโตสิบชกมีสติปัญญา
จึงตั้งโตสิบชกเป็นเสียงไต่หูขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายพลเรือน
และเมื่อพระเจ้าชวนอ๋องเสวยราชสมบัติได้สี่สิบหกปี
ให้ฆ่าขุนนางสองคนเสียไม่สบายนัก ครั้น ณ เดือนเก้าเป็นฤดูเคยเสด็จไปเที่ยวป่า
จึงสั่งอืนเกียดอูกับเตียวเอาให้ตรวจเตรียมทหารพร้อมแล้ว
พระเจ้าชวนอ๋องขึ้นรถเทียมม้าเสด็จออกจากเมืองหลวงไปประพาสป่าตำบลตังเก๋า
ประทับแรมอยู่ ณ ตำหนักไพร
พระเจ้าชวนอ๋องเสด็จเที่ยวชมเนื้อนกกับขุนนางจนเวลาเย็นตะวันยอแสง
ขณะนั้นทอดพระเนตรเห็นโตเบ๊กกับโจหยีขี่เกวียนตรงมาหน้ารถ แล้วโก่งเกาทัณฑ์จะยิง
พระเจ้าชวนอ๋องตกพระทัยกลัวปิศาจ ตรัสร้องให้ขุนนางทั้งปวงดู
ขุนนางทั้งปวงต่างแลดูไปมิได้เห็นก็พากันยืนตะลึงอยู่สิ้น
พระเจ้าชวนอ๋องจึงแข็งพระทัยร้องตวาดปิศาจว่า ท่านทั้งสองตายมิดี
เหตุใดจึงเข้ามาขวางหน้ารถเราอยู่ฉะนี้ จงไปเสียให้พ้น
โตเบ๊กปิศาจจึงว่าเราหามีผิดไม่ ท่านไม่อยู่ในยุติธรรมให้ฆ่าเราเสีย บัดนี้
ท่านถึงกำหนดจะสิ้นบุญแล้วเราจะฆ่าท่านเสียบ้าง
ว่าแล้วปิศาจทั้งสองก็ยิงเกาทัณฑ์มาถูกพระทรวง พระเจ้าชวนอ๋องล้มลงบนรถสลบลง
ขุนนางทั้งปวงเห็นดังนั้นต่างคนตกใจ บ้างขึ้นไปบนรถอยู่งานนวดเฟ้นแก้ไขอยู่ช้านาน
พระเจ้าชวนอ๋องจึงได้สมประดีขึ้นมา ให้เจ็บหน้าทรวงเป็นกำลัง
ก็กลับรถที่นั่งเข้าพระนคร ครั้นถึงพระราชวัง ขุนนางพยุงพระองค์เข้าไปถึงที่บรรทม
พระเจ้าชวนอ๋องประชวรอยู่ในที่ ให้เห็นแต่รูปปิศาจทั้งสองติดพระเนตรอยู่
ก็ประชวนหนักลงทุกเวลา แพทย์ทั้งปวงถวายยาก็มิได้เสวย จึงให้หาอืนเกียดอูกับเตียวเอาเปกเอียงอูขุนนางผู้ใหญ่สามคนเข้ามาเฝ้า
จึงตรัสว่าเราได้ยินเด็กทำเพลงด้วยลูกเกาทัณฑ์
ท่านทำนายว่าลูกเกาทัณฑ์จะเป็นศัตรูแก่เราก็ถูกต้องดังคำท่าน
ตั้งแต่นี้ไปเราจะมิได้เห็นหน้าท่านต่อไปแล้ว
ซึ่งเราได้เป็นสุขอยู่ในราชสมบัติมาได้สี่สิบหกปีแล้ว เพราะท่านช่วยทะนุบำรุง
แม้นเราเสียชีวิตไปแล้วราชสมบัติทั้งนี้ ท่านจงให้ไทจูจงเลียบเถิด
ท่านจงเมตตาช่วยสั่งสอนให้ว่าราชการบ้านเมืองให้เป็นยุติธรรม
อย่าให้อย่างธรรมเนียมแผ่นดินนั้นผิดไป ขุนนางทั้งสามได้ฟังรับสั่งดังนั้น
ก็ชวนกันร้องไห้รำพันไปต่างๆ แล้วเปกเอียงอูจึงทูลว่า
เวลาคืนนี้ข้าพเจ้าเห็นดาวสำหรับพระองค์ก็ตกแล้ว ซึ่งไทจูจงเลียบพระราชบุตร
จะได้ครองราชย์สมบัติแทนพระองค์ไปนั้น
ข้าพเจ้าทั้งสามจะช่วยทะนุบำรุงอย่าได้ทรงพระวิตกเลย พระเจ้าชวนอ๋องก็สวรรคต
ขุนนางทั้งปวงก็ทำการฝังพระศพอย่างกษัตริย์แต่ก่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น