วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

 


19 เหตุผล เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

            ทำไมเราเกิดมาบนแผ่นดินนี้ และทำไมต้องพบกับคนแบบนี้ ทำไมเรามาพบสังคมที่เห็นแก่ตัวเช่นนี้ ทำไมเรามาพบกับมนุษย์ที่ คดโกง หลอกลวง ละโมบ ไร้อย่างอาย เช่นนี้  สารพัด สิ่งเลวร้ายที่เรา จะพบมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลานี้ ในเวลานั้น ทั้ง ๆ  ที่สิ่งเหล่านี้ล้วนน่ารังเกียจ ที่สุดของมนุษย์ในยุคอดีต แต่คนในยุคนี้ กระทำได้อย่างน่าตาเฉย เคยชินเหมือนเป็นเรื่องปกติ ที่พวกเขายอมรับกันได้

            หลายคน คงเคยถามตัวเอง และถามคนรอบข้างว่า เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ทำไมเราเกิดมาแล้วมาพบมาสิ่งทีผิดธรรมชาติ ของมนุษย์ เราต้องอดกลั้นกับการกระทำนั้น เพราะมันมีผลกระทบกับตัวเรา เราจะทนรับกับเหตุการณ์ แบบนี้ อีกนานแค่ไหน หรือจะนานแสนนาน ทั้งชีวิตแบบนี้ เช่นนั้นหรือ

            ทำไมเราต้องเกิดมาในครอบครัวนี้ ทำไมเรายากลำบากกว่าคนอื่น ทำไมต้องเผชิญกับปัญหา นานามากมาย มีปัญหา ขัดเคืองรอบด้านสารพัด ต้องมาตกงาน ขาดรายได้ ทั้งที่เรามีความรู้ความสามารถ และยังหนุ่มยังสาว  ขยันอย่างไรก็ไร้ผล เพราะโลกคล้ายจะหยุดการพัฒนา ทั้งเราต้องมาพบกับการบริหารจัดการที่รู้สึกว่าแย่ ๆ   ของใครบางคน ที่มีผลกระทบต่อการทำมาหา รับประทานของเรา  เขาตัดสินใจผิดพลาด แบบดิ่งลงนรก และทำไมเราจะต้อง ได้รับผลกระทบ จากการกระทำของเขาด้วย เพราะอะไรหนอ

            หลายคนคงไม่รู้ สับสนและไม่เข้าใจ รวมถึงไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ และประสบการณ์ของตัวเอง ทุกข้อ ที่กล่าวมา ล้วนจากประสบการณ์จริงที่ผ่านมา  เป็นประสบการณ์ตรง ของผู้คนร่วมกัน กว่าหลายหมื่น หลายแสน หลายล้าน  จากทุกมุของโลก  ทั้งการเขียน การพูดถึง ทุกข้อความ ล้วนเป็นความหวัง ที่ต้องการคำตอบ  เพื่อหาทางปลดปล่อย เครื่องพันธนาการนี้  เราจึง ได้ให้ทุกท่านควรตั้งใจพิจารณา และนำไปปฏิบัติจริง เพื่อหาคำตอบเรื่องนี้ ด้วยตนเอง จึงขอเอามาเรียบเรียง สรุปเป็นวรรคทอง  19 ข้อให้  นำไปพิจารณา ดังนี้

            ข้อแรกเลย คุณกำลังถูก โลกปลุกให้คุณตื่น เพราะคุณหรือใครบางคน อาจหลงระเริงมากเกินไปในโลก ก็มีต่างอะไรกับการหลับใหล ไร้สติ หลับไปเรื่อย ๆ แบบไร้สาระในระหว่างที่ฝัน  สถานการณ์นี้ทำให้คุณตื่นขึ้น ด้วยความเมตตาของเทพเจ้า หรือบุญเก่าของคุณนั้นเอง ที่ช่วยเหลือคุณไว้ไม่ให้หลับใหลไปมากว่านี้

 

            เรายินดีต้อนรับคุณเป็นคนหนึ่งที่มีภารกิจ อันสำคัญ ไม่งั้นจะไม่มีทางเห็น ข้อความหรือคำกล่าวประเภทนี้ เพราะกระแสคุณ พระพุทธ พระธรรม พระอริยเจ้า และสิ่งที่ดีงามเข้ามาหาคุณนั้นเอง จึงทำให้คุณเข้าใจดี ว่าจิตคุณสว่างแล้ว หลังจากที่ตาในมืดมนมานาน เข้ามา เพราะ มูเรีย อธิษฐานจิตไว้แล้วว่าคนที่เข้ามาขอเป็นคนที่มีภารกิจ หรือเกี่ยวข้องกับภารกิจของมูเรีย ซึ่งภารกิจของมูเรียคือ ปลุกคนให้ตื่น 1,000,000 คน แล้วรวมพลังกันออกมาเป็นแสงสว่าง โดยผู้ที่ถึงวาระ นั้นจะทยอยกันเข้ามาติดต่อมูเรีย

            ข้อความตรงนี้ หลายท่านคงจะติด และคาใจจิตจะยังไม่โล่ง แล้วไปต่อไม่ได้ เพราะติดอยู่กับคำว่า มูเรีย  เพราะเป็นภาษาที่ไม่คุ้นเคย คำว่า มูเรีย ในที่นี้ของใช้คำแทนใหม่ว่า คุรุเทพ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน

            ส่วนคำว่า แสงสว่าง  ให้ความหมายแทน ผู้กำลังเข้าสู่กระแสพระธรรม หรือกำลังศึกษาเรียนรู้ และปฏิบัติธรรมนั้นเอง

            เหตุผลข้อที่สอง เราเคยเป็นคนเลือกลงมาเกิดในดินแดนนี้เอง เราเลือกประสบการณ์เอง ว่าเราอยากเกิดที่ไหน เป็นลูกใคร มีครอบครัวและชีวิตแบบไหน โดยเรานั้น ได้ตั้งเป้าหมายไว้ แล้วอธิฐานหรือปรารถนา ระบุไว้ก่อนแล้ว โดยมีผู้เป็นพยาน ทั้งมีการบันทึกไว้ ก่อนที่จะมาเกิดแล้ว ทั้งมีรายละเอียด ไว้มากมาย ว่าเราต้องการจะทำภารกิจอะไร บ้างหลังจากที่ เราลงมาเกิด ในถานที่ และได้อัตภาพนั้นแล้ว

            ประการที่สาม  ดาวเคราะห์โลกใบนี้พิเศษกว่าดวงที่อื่น เพราะมีทุกอย่างครบสมบูรณ์ ที่สุด เป็นแหล่งที่สุด ของที่สุด ที่ดาวดวงอื่นไม่มี ไม่ว่า สิ่งที่สุขที่สุด ทุกข์ทรมานที่สุด

            กล้าที่สุดในการทำความดี  ขนาดเอาชีวิตเข้าแลก จนบรรลุถึงมรรคผลนิพพานได้ และก็ยังมี ขี้ขลาดที่สุด ตาขาว เป็นที่สุด โง่ที่สุด ถึงขาดฆ่าตัวตาย เพราะความขี้ขลาด ตาขาว โง่สุด แห่งก็ยังมี

            ทั้ง โลกใบนี้ มีประสบการณ์หลากหลาย มากมายให้เราเลือกเรียนรู้ เราสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ จากการใช้ชีวิตจริงได้ ผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต ที่เก็บไว้พัฒนาตนเอง ให้เลื่อนระดับจิตวิญญาณได้ ไปสู่ภูมิที่สูงขึ้น สามารถเลือกสร้างหรือเลือกที่จะเป็นในสิ่งที่ต้องการตามกฎ ของ Free will ซึ่งดาวอื่นไม่มี เราจึงตื่นเต้นมาก และอยากรู้ อยากเจอ กับประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยพบได้มากที่สุด

             เราจึงเลือกอะไร ยากๆ แปลกๆ ท้าทาย ๆ ตัวเองได้มากมาย เพราะในขณะที่เราเขียนนั้น เราเอาตัวเองออกนอกโลกนี้  เหมือนสิ่งมีชีวิตประเภทหนึ่งที่อยู่ นอกโลกใบนี้  เหมือนเราไม่ได้เป็นมนุษย์ เราจึงเข้าใจทุกอย่าง ว่าโลกนี้น่าสนใจอย่างไร  ถ้าเราแยกตัวออกจากโลกได้ ในความหมายแบบพุทธะ จะทำให้เรา มองสิ่งต่าง ๆ  ในโลกนี้มีค่าทุกอย่าง  จึงมอแบบไม่เป็นปัญหา ที่ยากลำบาก แต่มองเป็นสิ่งพิเศษที่อยากเก็บเกี่ยว ประสบการณ์

            ประการที่สี่ สิ่งที่เราพบ ในปัจจุบันนี้ เป็นสิ่งที่เราทราบอยู่แล้ว ว่ายินดีเผชิญกับมัน ตั้งแต่ก่อนมาเกิด แต่เราลืมไปแล้ว นั่นหมายความว่าชีวิตของเราต้อง พบกับเหตุการณ์ที่แปลกประหลาด พิสดารแม้แม้แต่ ที่เรารู้สึกว่า เรายากลำบากกว่าคนอื่น แต่ให้รู้ไว้เลยว่านั่นคือของขวัญ นั่นคือสิ่งพิเศษและประสบการณ์ที่เราเลือกมาเอง

            เพราะเราต้องการที่จะเรียนรู้เติบโต และแก้ปัญหาสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นประสบการณ์ท้าทายที่คุณอยากเรียนรู้ เหมือนกำลังเล่นเกมผจญภัย นั่นเอง แต่สิ่งที่คุณได้คือความแกร่งของจิตใจ และ มองโลก อย่างผู้เข้าใจ

            เหตุผลประการที่ห้า แต่เนื่องจากเป็นกฎของโลกใบนี้ เราจำเป็นต้องลืมทุกอย่าง หมายถึงเราต้องรีเซตระบบใหม่ ทั้งหมดก่อน เพื่อให้เท่าเทียมกันกับทุกคน หมายความว่าหน่วยความจำ จะต้องว่างเท่ากัน ของสมองทุกหน่วย  ยกเว้นมนุษย์ ชนิดพิเศษ ประเภทระลึกชาติได้ ก็เป็นแบบที่เราต้องทำความเข้าใจกันอีก ลักษณะหนึ่ง

            เพราะโลกนี้ เป็นโลกแห่งประสบการณ์ หลากมิติ ส่วนข้อมูลต่าง ๆ ของเรา ตั้งแต่หลายภพชาติ จะยังคงอยู่ ซึ่งถูกบรรจุอยู่ในดีเอ็นเอ ของเรา และจะถูกกระตุ้นขึ้นมาเมื่อถึงเวลา ในการตื่นรู้เหมือนสัญญาณที่หลายท่านได้รับ ผ่านทางตัวเลข เสียง ภาพ ความฝัน และอื่น ๆ

            ประการที่หก เหตุการณ์ และกระบวนการต่างๆ ในชีวิต ที่มีทั้งด้านบวก และด้านลบ ล้วนเป็นการ กระตุ้น นำพา ให้เรา เข้าสู่กระบวนการตื่นรู้ บางคน อาจถูกบีบจนมุมชีวิตพลิกผันแบบไม่สามารถจินตนาการได้กันเลย

            เหมือนตอนนี้ มนุษย์ทั้งโลก กำลังถูกอะไรบางอย่างบีบคั้น บีบรัด รีดให้ย่อยบางอย่างออกมา กันอยู่หลายสาเหตุ ไม่ว่าเป็นโรคระบาด ภัยธรรมชาติ ภัยสงคราม ภัยที่มนุษย์ รังแกกัน แต่นั้นแหละ เหตุการณ์เหล่านั้นต่างก็เกิดขึ้นมาเพื่อกระตุ้นคุณ ให้คุณหาทางออก ให้สมองหาทางแก้ไข

            ให้คุณเข้าใจตัวเอง ให้คุณหาช่องทาง จนสุดท้าย จะพบสัญญาณต่างๆ ให้เข้าสู่กระบวนการการตื่นรู้นั่นเอง ซึ่งถ้าเป็นช่วงที่คุณมีชีวิตแบบปกติ ไม่มีอุปสรรค ใดใด คุณอาจจะไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เลย ไม่ต่างอะไรกับเทวดาบางองค์ หรือหลายองค์ ต่างก็ไม่สนใจมนุษย์ ผู้ทุกข์ยาก

            ประการที่เจ็ด สิ่งที่จะทำให้คุณผ่านได้ คือ อย่าพยายามขวาง อย่าพยายามขัดขืน เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณยอมรับ และเข้าใจอย่างแท้จริง ให้อภัยกับทุกเรื่อง ทุกการกระทำของมนุษย์ที่มีส่วนทำให้ชีวิตของคุณลำบาก และทุกข์ยาก พุทธศาสนาสอนให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น และผ่านเข้ามานั้น ไม่มีคำว่าบังเอิญ มันล้วนแต่มีความสัมพันธ์ เกี่นวข้องกันมาก่อน

            ทุกสถานการณ์ได้ รวมทั้งตัวของเราเอง สามารถรักคนที่เคยเกลียด เราได้อย่างสุดหัวใจ หรือไม่ ถ้าสามารถเลิก เลิกยึดติดกับอดีตได้ แต่ก็เชื่อว่ายากกับใครหลายคน แต่ถ้าทำได้ เชื่อว่าเป็นยอดมนุษย์ แห่งยุค ถ้าทำได้จริง เมื่อนั้นประตูสวรรค์ จะค่อย ๆ เปิดออก ในที่สุดคุณ จะเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ ด้วยตัวเอง

            ประการที่แปด  คุณควรคิดแต่เรื่องบวก  การคิดลบใคร ๆ ก็ทำได้ และง่ายเหมือการปล่อยรถให้วิ่งลงทางลาดชัน ไม่ได้อยากอะไร ที่จะทำ  การคิดลบ เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ เราถูกล้างสมอง และถูกตีกรอบไว้ด้วยชุดข้อมูล ตรรกะกรอบความคิดบางอย่าง ซึ่งส่วนมากแล้วจะเป็นข้อมูล ด้านลบ

            ทั้งค่านิยม กฎเกณฑ์ ทางสังคม และกติกา อื่น ๆ จึงไม่แปลกที่ จะถูกบังคับให้คิดเหมือนกัน ทำเหมือนกัน เชื่อเหมือนกัน ถ้าคิดต่างกัน เชื่อต่างกัน จะถูกสรุปว่า เป็นคนนอกรีต เป็นคนไม่ดี เป็นบุคคลประหลาด ชั่วร้าย ในสายตาของกลุ่ม จนกลายเป็นความเข็มงวด เป็นเผด็จการ ผูกขาดความคิดแบบไม่รู้ตัว เพิ่มอัตตา ตัวกู ของกูพวกกู เป็นศูนย์รวมแห่งความถูกต้อง เข้าไปมากนับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ต่อสังคมการอยู่ร่วมกันของมนุษยชาติ

            เมื่อถูกสอนให้เชื่อในเรื่องเดียวกัน แบบสงสัยไม่ได้นี้ จะทำให้หลาย ๆ ครั้ง จิตใต้สำนึกของเราทำเพื่อปกป้องตัวเอง ด้วยการมองไปในสถานการณ์ที่เป็นลบก่อน หรือคิดลบก่อนเสมอ นั้นเอง

             เพราะถ้าหากเรารู้ ความลับว่า พลังงานจากความรู้สึกด้านบวก สามารถดึงดูดสิ่งดี ๆ หรือสร้างชีวิตของตัวเองให้สุขขึ้นได้ และเข้าใจ และใช้ระบบสมองคิดแต่เรื่องบวก เสมอเป็นกันทุกคน หรือได้มากที่สุดของจำนวนมนุษย์บนโลก กระแสของโลกก็จะถูกยกระดับเป็นพลังงานใหม่ ในเชิงบวก เป็นพลังฝ่ายขาว เป็นพลังที่สร้างสรรค์ แห่งสันติสุข

             ดังนั้นอำนาจฝ่ายมืด เงาดำของซาตาน ที่อยู่เบื้องหลัง ที่อยากครอบครอง อยากควบคุมโลกนี้ ก็จะไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป แต่อนิจจา โลกใบนี้ นับวันกระแสความคิดด้านลบ มีมากและแรงขึ้นเรื่อย ๆ  นี้คือเป็นเหตุผล ดังนั้นบนโลกใบนี้ ให้มีข่าวด้านร้าย ด้านไม่สร้างสรรค์ ในด้านลบ ด้านที่เป็นปัญหาต่อความสงบสุข ต่าง ๆ ต่อสิ่งมีสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่เกี่ยวกับ ความกลัวรอบตัว ของมนุษย์ เกิดขึ้นมากมาย ให้เราได้พบเห็น ตลอดเวลา

            เหตุผลประการที่เก้า แค่เราเปลี่ยนมา คิด พูด กระทำ ในทางบวก ก็สามารถช่วยยกระดับความสั่นสะเทือน ของสนามพลังบวกในตัวเรา ส่งผลให้บรรยากาศของโลกเย็นลง  นับว่าช่วยโลกให้น่าอยู่อีกวิธีหนึ่ง

            ถ้าเริ่มตรงนี้ได้ ก็เป็นก้าวแรกของเราที่จะเข้าสู่กระแสแห่งมนุษย์ยุคใหม่ กระแสมนุษย์พันธุ์ อริยะดังนั้นให้เริ่มจากตัวเราเองก่อน เริ่มจากการขอบคุณ การสำนึกรู้คุณ ด้วยจิตที่จริงใจ เลือกมองแต่สิ่งดี เป็นบวก พูดแต่ถ้อยคำที่ดี  เป็นการกระจาย พลังงานดี ๆ  ออกไป สู่โลก เริ่มจาก 1 คน เป็นพัน เป็นแสน เป็นล้านคน รับประกันได้เลยว่า ระดับพลังงานบวกของโลก ใบนี้ จะสูงขึ้น และมากขึ้นอย่างแน่นอน และชีวิตของคุณก็จะ ค่อย ๆ  ดีขึ้นด้วย เพราะจิตวิญญาณของ คุณจะจูน ประสานกับพลังแห่งความรัก และแสงสว่าง ซึ่งเป็นพลังแห่งความมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ที่สุด ในจักรวาล

            ประการต่อมา คือประการที่สิบ ที่จะนำเสนอ เมื่อพลังงานของคุณถูกยกระดับขึ้น การเชื่อมต่อกับสิ่งทั้งหลายที่คุณมองหา ก็จะง่ายขึ้นตามไปด้วย เพราะระดับพลังงานของคุณเข้าใกล้กับพลังงานต้นกำเนิดนั่นเอง

            เมื่อมาถึงตรงนี้ คุณเริ่มเข้าใจแล้วใช่ไหมว่า  ก่อนหน้านี้ทำไมเราถึงทำอะไรไม่สำเร็จ พบแต่อุปสรรค  เพราะพลังงานของเรามันเป็นลบ แต่พลังงานความสำเร็จ และความสุขนั้นเป็นพลังงานด้านบวกดังนั้น การเชื่อมต่อกับความสำเร็จ จึงทำไม่ได้

            พลังงานด้านลบในสนามพลังงานแม่เหล็กของคุณ จากความคิด ความรู้สึก การกระทำ และอื่นๆ ด้านลบของคุณ นั้น จะฉุดรั้งคุณเอาไว้  และดึงสนามพลังงานของคุณให้ตกต่ำลง คุณจึงพบกับอุปสรรคมากมายนั่นเอง

            เหตุผล ข้อที่สิบเอ็ด  ในเมื่อวันนี้เรารู้แล้วว่า เรามีภารกิจ เราเกิดมาเพื่อทำภารกิจบางอย่าง เราต้องตื่นรู้เพื่อที่จะรับทราบสิ่งเหล่านั้น และออกมาปฏิบัติช่วยเหลือผู้คน โดยไม่ต้องสนใจว่าตอนนี้ คุณจะอายุเท่าไหร่ การศึกษา  ดีกรีของชาวโลก อยู่ในระดับใด  อยู่ที่ไหน เคยฝึกอะไรมาหรือไม่ ไม่สำคัญ

            เราต้องเข้าใจว่า มนุษย์ทุกคนนั้น แต่เดิมนั้น ความสามารถ และทักษะ ซ่อนอยู่ใน DNA ของคุณ อายุไม่เกี่ยว บางคนเข้าใจพระธรรม  เข้าใจอริยะสัจคำสอนขององค์พุทธะได้ บางคนสามารถตื่นรู้ ได้ตั้งแต่สี่ขวบ บางคนอาจตื่นรู้ เมื่ออายุ ตอน 50 60 หรือ 70 ปีก็ได้  นั่นคือ DNA ในกายแสดงผล และสิ่งที่เราต้องการ ได้กำหนดไว้แล้ว ก่อนที่จะลงมาเกิด เมื่อถึงเวลาจะดัง ขึ้นมาเอง เหมือนเราได้ตั้งนาฬิกาปลุก ไว้แล้วก่อนหน้านี้

            ประการที่ สิบสอง แล้วจะรู้ได้ไงว่าถึงเวลาแล้ว  เราก็จะสังเกตว่า เราจะ เจอพบสัญญาณ อะไรบางอย่าง ที่เราชอบและนี้แหละเราหามานานแล้ว เช่นพบบทความบนเว็บไซต์  พบข้อความในเพจ  พบผู้คน ที่พูดคุยเรื่องเกี่ยวกับเรื่อง การตื่นรู้ เห็นตัวเลข พบสถานการณ์ยาก ลำบาก หรือพลิกผัน หรือได้รับนิมิตความฝัน และอื่น ๆ อีกมากมาย

            ประการที่ สิบสาม สิ่งที่อยากให้ทำตอนนี้คือให้อภัยกับผู้คน ทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่โกรธ ไม่เกลียด ปล่อยวาง เราทราบว่า ที่แท้จริงแล้วว่าสถานการณ์ต่าง ๆ เกิดมาเพื่อให้เราเข้าสู่กระบวนการการตื่นรู้  รวมถึงขอบคุณ ทุกสถานการณ์เหล่านั้นด้วย หลังจากนั้นจิตใจเรา จะเบาสบายขึ้น จะค่อยๆเข้าสู่กระบวนการ ตื่นรู้ได้ไว

            ประการที่สิบสี่  ควบคุมตัวเองให้มาก เรื่องของอารมณ์ลบ ควรเปลี่ยน ฝึกในการเปลี่ยนโดยการเตรียมเรื่องดี ๆ ไว้คิด สิ่งที่คิดแล้วมีความสุข จงคิดไป เรื่องดี ดี อะไรก็ได้  จงจดไว้ซัก สี่ถึงห้าเรื่อง ถ้าเราเริ่มคิดไปในทางลบ ที่ไม่ดี ให้เอาสิ่งที่จดไว้ขึ้นมาอ่าน แล้วนึกถึงสิ่งเหล่านั้นให้ได้ นี่คือการฝึกเบื้องต้นในการยกระดับพลังงาน ด้านบวกให้สูงขึ้น

            เหตุผล ประการที่สิบห้า อย่าลืมว่าโลกใบนี้ เป็นแค่โลกสามมิติ ที่ถูกพลังงานสร้างขึ้นเท่านั้น ไม่มีอะไรที่จริงแท้ ยังยืนถาวรอะไร เรามีร่างกายเป็นพาหนะ แค่ในการใช้ทำภารกิจในชาตินี้ เท่านั้น

             ดังนั้น เหตุการณ์อะไรก็ตามที่เกิดขึ้น ให้เรามองเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ เพียงฉากหนึ่ง ๆ เหมือนคล้าย ๆ กับ เวลาเราดู หนังละครแล้วจบไป ให้อภัยกัน และปล่อยวางซะ เพราะไม่มีอะไรอยู่ติดตัวเราไปได้ตลอดกาล สิ่งที่เราคิดในตอนนี้ เมื่อเวลาผ่านไปอีก 1 นาที มันก็กลายเป็นอดีต ไปแล้ว

            ประการที่สิบหก  ถ้าเราเก็บมาคิดซ้ำ ๆ วนไปมา เราเองที่เป็นคนเจ็บปวด และดึงดูดสิ่งที่ไม่ดีเข้ามาในชีวิตเรา  แต่ถ้าหากเราเลือกที่จะปล่อยวาง และรู้ว่าเราไม่สามารถกลับไป แก้ไขอดีตที่ไม่ดีได้  สิ่งที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้นได้

            คือปัจจุบันที่เราต้องเลือกมอง และสร้างในสิ่งที่ดี หลบสิ่งที่ไม่ดี เพื่ออนาคตที่ดีขึ้นรวมถึงภารกิจที่เราตั้งใจลงมาทำด้วย หากอยากปฏิบัติภารกิจ อยากช่วยผู้คน อยากช่วยโลก แต่แค่ผู้คนไม่กี่คน ในชีวิตหรือตัวเราเองยังให้อภัยใครไม่ได้

            หรือปล่อยวางแค้น ความชิงชังกันไม่ได้  หรือยังมองชีวิตที่ตกต่ำ ขาดแคลน มีแต่ปัญหา ของตนเอง ว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย แล้วก็คร่ำครวญ อยู่เช่นนั้น ก็ยากที่จะสำเร็จ จงหันมาเชื่อใจ ไว้วางใจจักรวาลและผู้สร้าง รวมถึงจิตวิญญาณ  และคุรุภายในของเรา

            ว่าจะนำพาเราไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง นำผู้คน นำสถานการณ์ ต่าง ๆ เข้ามาในวาระที่เหมาะสมเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา ทุกสิ่งที่เกิด  ล้วนเกิดมาเพื่อนำทาง ไปสู่สิ่งที่ดี ทั้งร่างกาย และจิตวิญญาณ แม้ในวันนี้เรายังมองไม่เห็นทางนั้น แต่ในอนาคตเราจะเข้าใจทุกสิ่ง เพราะมันจะมาพร้อมกับเส้นทางที่สะดวก

            ประการที่สิบเจ็ด อย่าลืมว่าเรา มนุษย์ทุกคนในโลกใบนี้ เป็นหนึ่งเดียวกัน หากพลังงานคุณดีขึ้น ก็ย่อมจะช่วยผู้อื่นได้ ตัวอย่างง่าย ๆ  เมื่อคุณยิ้มให้คนอื่น คนนั้นเขาก็คงยิ้มตอบกลับมา แม้เขายิ้มไม่ทันแต่จิตที่เป็นมิตรย่อมเกิดขึ้นแล้ว กระแสความเย็นบน อุณหภูมิโลกบังเกิดขึ้นแล้ว

            เราควรปฏิบัติต่อตนเอง ปฏิบัติต่อผู้อื่น ด้วยความรัก และเมตตา เพื่อเป็นแบ็ตเตอรรี่ เก็บพลังแสงสว่าง  ไม่ว่าเขาผู้นั้น จะปฏิบัติต่อคุณอย่างไร ด้านบวกก็ดี ไป แต่ถ้าด้านลบ คุณพึงระวัง จิตของคุณ อาจสั่นกดลงต่ำ จงอย่าให้ใครมากดทับ ระดับพลังงานของคุณให้ต่ำลงโดยเด็ดขาด จงรู้ทันกระบวนการของจิตตรงนี้

            ประการสำคัญ แท้จริง แล้ว กระแสจิต ของคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของกัน และกัน ในหมู่มนุษย์  ให้มองรวม เป็นพลังงานมวลรวมบวก แล้วเราจะค่อย ๆ เข้าใจ วามมหัศจรรย์ นั้น

            ประการที่สิบแปด  ถ้าเป็นไปได้ คุณทุกคนควรฝึกควบคุมตัวเอง เพื่อยกระดับพลังงานภายในของตน ด้วยวิธีต่าง ๆ ที่คุณถนัด หรือตามวิธีที่พระอาจารย์ เกจิ ตามศรัทธาของคุณ เพื่อฝึก ยกระดับ และเข้าสู่กระบวนการ ที่เหมาะกับตนเองต่อไป

            ประการสุดท้าย ประการที่สิบเก้า ให้หมั่นนั่งสมาธิขอเชื่อมต่อกับคุรุเทพ หรือเทพเจ้าที่คุณศรัทธา ภายในจิตคุณ เพื่อรับการชี้นำทาง และรับทราบข้อมูลภารกิจ  กระบวนการตรงนี้ แต่ละคนอาจจะใช้เวลามากน้อย ไม่เท่ากัน แต่ที่แน่นอน จะค่อย ๆ เชื่อมสัมพันธ์ และรับรู้ข้อมูลได้ทีละนิด

            การกระทำนี้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อและเชื่อมพลังจิตให้แน่นขนัด  เมื่อคุณทำได้อย่าแนบแน่นแล้ว  คุณไม่ต้องรอให้ถึงเป็นผู้ตื่นรู้ ก็ได้  แม้พลังเป็น พลังจิตแค่เล็กน้อยเพียงนี้  แต่มีค่ามหาศาลต่อโลก   คุณสามารถช่วยโลกได้ ด้วยการปฏิบัติตามคำสอนขององค์ พุทธะที่บริสุทธิ์ แท้จริง แค่เพียง ระวัง สำรวมกาย วาจา ใจ  พร้อม ๆ กับฝึกปฏิบัติ ละ ลด และเลิก สิ่งที่เบียดเบียน ตนและผู้อื่น ทั้งปวง เพื่อเข้าสู่กระบวนการการตื่นรู้ ที่ทำให้ดวงตา ของคุณ สดใส จนสามารถ มีดวงตาที่สุกใส สว่างมองเห็นตัวอย่าง ผลกรรมดี กับผลของกรรมชั่ว กันได้เต็มตา เต็มแผ่นดิน ทั้งอนาคตเบื้องหน้าของมนุษย์ แม้คุณยังไม่ได้ตาทิพย์

            ก็ตาม  แล้วคุณจะรู้ความเป็นมา และรู้คำตอบว่า มนุษย์บนผืนแผ่นดินโลก ใบนี้ พวกเขามาถึงจุดนี้ กันได้อย่างไร และยังจะทราบด้วยว่า มนุษย์ที่สร้างกรรมดี และสร้างกรรมชั่วนั้น อนาคตพวกเขา จะไปถึงจุดไหน และเขาจะไปถึงจุดนั้น กันได้อย่างไร

---------------------------------------------

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น