การทำงานทุกสาขาอาชีพ ล้วนแต่เป็นองค์ความรู้ทั้งสิ้น องค์ความรู้นั้นตามธรรมชาติแล้วจะได้รับการถ่ายทอดนั้นจะเกิดขึ้นได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ทั้งที่ตั้งใจรับ และไม่ได้ตั้งใจรับ ส่วนการนำความรู้มาใช้ ในเชิงปฏิบัตินั้นจะทำให้เกิดการเรียนรู้ที่เข้าใจลึกซึ้งมากกว่าวิธีอื่น
เพราะการทำจริง ปฏิบัติจริงจะพบกับปัญหา และอุปสรรคในการทำงาน
และถ้าไม่แก้ปัญหาก็เดินหน้าทำงานต่อไปไม่ได้ ในการทำงานย่อมเกิดปัญหาอยู่ตลอดเวลาที่คนทำงานก็ต้องแก้ การแก้ปัญหาในงานนั้นก็ต้องอาศัยความรู้เดิมที่มีอยู่ และนำวิธีแก้ปัญหาของผู้ปฏิบัติงานก่อนหน้านี้ มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา
บางครั้งก็สำเร็จ และบางครั้งก็ไม่สำเร็จ งานก่อสร้างก็เช่นเดียวกัน
ในขณะที่ทำงานตามแบบที่กำหนดมาให้ แต่ในทางปฏิบัติงานจริงนั้น บางจุดบางช่วงของงาน
อาจจะไม่ตรงตามที่วางแผนไว้ได้ เช่นกัน
การแก้ปัญหาในงานก่อสร้างนั้นมีมากมาย บางเรื่องก็มีการคิดค้นวิธีแก้ปัญหา
ที่สามารถทำให้งานออกมาดีมีคุณภาพ
ลดต้นทุนได้มากขึ้นกว่าวิธีเดิมเรามักนิยมเรียกกันว่า นวัตกรรม
สมนึก
เอื้อจิระพงษ์พันธ์ และคณะ(2553) ได้ให้ความหมายของ นวัตกรรม
หมายถึง “สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นจากการใช้ความรู้
ทักษะประสบการณ์ และความคิดสร้างสรรค์ ในการพัฒนาขึ้น ซึ่งอาจจะมีลักษณะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่
บริการใหม่ หรือกระบวนการใหม่ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจและสังคม”
ดังนั้น
ความหมายของคำว่า นวัตกรรม นั้น คนไทยส่วนมากแล้วยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันไปมาก
เพราะส่วนมากแล้วจะมองไปถึงเครื่องจักรกลขนาดใหญ่
ที่มีระบบอัตโนมัติแบบใหม่ ๆ มีเทคนิคการใช้งานที่ทันสมัยล้ำยุค
เป็นการคิดค้นที่มีหนึ่งเดียว ที่เกิดขึ้นในโลก
ความเข้าใจเช่นนั้นก็คงถูกต้อง
แต่บางครั้งก็อาจมองข้าม แนวคิด สร้างสรรค์ใหม่ กระบวนการทำงานใหม่
หรือวิธีการทำงานแบบใหม่ ๆ ที่นำมาสร้างสรรค์งานให้เกิดประโยชน์
และเพิ่มมูลค่าได้ ก็นับเรียกว่าเป็น นวัตกรรม เช่นเดียวกัน
และในการทำงานก็มีการคิดค้น หรือเรียกว่า กระบวนการใหม่ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ที่อยากจะนำเสนอ
คือเรื่องของงาน ช่างต่อสายไฟ
ซึ่งก็นับว่าเป็นแนวทางการทำงาน
การต่อสายไฟ ซึ่งเป็นกระบวนการทำงานที่ช่างไฟ
ที่น่าจะศึกษาและนำองค์ความรู้นี้ไปใช้ในการทำงานได้จริง เรียกว่า ต่อสายไฟฟ้าด้วยไวร์นัท เป็นการต่อสายไฟฟ้าในระบบท่อร้อยสายที่ให้ฝังตัวอยู่ในฝ้าเพดาน
ซึ่งเรื่องนี้น่าสนใจมาก
วิธีต่อสายไฟฟ้าด้วยไวร์นัท
(Wire nut)
การต่อสายไฟฟ้าด้วยไวร์นัท (Wire
nut) จะต้องใช้วิธีหมุน เพื่อให้ไวร์นัทรัดสายให้แนบชิดกันก่อน
เมื่อต่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องใช้เทปพันตรงสายไฟ
เนื่องจากปลอกของไวร์นัทเป็นฉนวนอยู่แล้ว
ซึ่งจะทำให้จุดต่อสายไฟดังกล่าวลงกราวด์ได้ ซึ่งการต่อสายไฟฟ้าด้วยไวร์นัทนั้น จะนิยมนำมาต่อในกล่องต่อสาย
(Junction box) โดยเฉพาะการเดินสายในท่อร้อยสาย ส่วนการใช้เทปพันสาย
ซึ่งเทปพันสายนั้นเป็นวัสดุฉนวนไฟฟ้าที่นิยมใช้ทั่วไปนั้น จะมีราคาถูก (ควรเลือกเกรดที่ดี)
ส่วนวิธีการพันปิดทับรอยต่อสายไฟฟ้านั้น
จะต้องเริ่มจากพันเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง จนสุดรอยต่อ จากนั้นจึงพันวกกลับมาที่จุดเริ่มต้นเดิมอีกครั้ง ทำแบบนี้จนแน่ใจว่ามีความปลอดภัย
แต่จะต้องไม่หนาจนเกินไป ในขณะที่พันจะต้องดึงเทปพันสายให้ยืดออกเล็กน้อย เพื่อให้เทปรัดรอยต่อกันให้แน่นมากขึ้น
เพื่อความปลอดภัย จึงนำเสนอเพื่อเป็นแนวทางประกอบการตรวจสอบเบื้องต้น ตามภาพ
ดังนี้
----------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น